กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.10-33.35 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 33.20 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบ 27 เดือนครั้งใหม่ หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% ตามคาด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นมูลค่า 1.6 พันล้านบาท แต่ขายพันธบัตร 1.01 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการขายพันธบัตรระยะสั้น
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ค่าเงินดอลลาร์เผชิญแรงกดดันจากการที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อรัฐบาลทรัมป์ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลัง อาทิ การปฏิรูปภาษี และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ว่าจะล่าช้าออกไป
ปัจจัยชี้นำสำคัญสำหรับตลาดการเงินโลก คือการประชุมเศรษฐกิจประจำปีซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็คสันโฮลในวันที่ 24-26 สิงหาคม โดยในหลายครั้งที่ผ่านมา ผู้นำธนาคารกลางชั้นนำของโลกได้ใช้เวทีนี้ในการส่งสัญญาณการปรับนโยบายการเงิน สำหรับรอบนี้ ตลาดจะจับตามองธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เป็นหลัก โดยเฉพาะแถลงการณ์ของประธานอีซีบีเกี่ยวกับแผนการลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป
สำหรับปัจจัยในประเทศ เริ่มต้นสัปดาห์ สภาพัฒน์รายงานจีดีพีไตรมาส 2 ของไทย เติบโตสูงถึง 3.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดไว้ สอดคล้องกับมุมมองล่าสุดของกนง.ที่ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจมีแนวโน้มชัดเจนขึ้นจากแรงหนุนของภาคส่งออกและท่องเที่ยว ส่วนการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป กนง. ระบุว่าการลงทุนภาครัฐเติบโตน้อยกว่าที่ประเมินไว้และต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศต่อไป ส่วนผลกระทบจากอุทกภัย กนง.ประเมินมูลค่าความเสียหายราว 7.5 พันล้านบาท ซึ่งมีผลต่อจีดีพีไม่มากนัก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีทิศทางขยับขึ้นในอัตราที่ช้ากว่าคาดเล็กน้อยและยอมรับว่าเงินเฟ้อคงไม่สามารถจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ในปีนี้ ทั้งนี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์มองว่าในระยะ 2-3 ไตรมาสข้างหน้า ทางการมีแนวโน้มตรึงดอกเบี้ยนโยบายไว้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอย่างเร็วที่สุดในช่วงกลางปี 2561