นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในการประชุมคณะกรรมการการท่องเที่ยว ประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก ในกลุ่ม Royal Coast เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง ภาคเอกชนว่า ปี 2561 รัฐบาลกำหนดให้เป็นปีท่องเที่ยวแห่งชาติ ภายใต้แคมเปญ "ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน" เนื่องจากพบว่าการท่องเที่ยวในกลุ่ม Royal Coast เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง เป็นการท่องเที่ยวยังกระจุกตัวอยู่เฉพาะเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ แต่ชุมพร ระนอง ยังน้อยไม่เชื่อมโยงกัน
ในส่วนจังหวัดระนอง นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ได้นำเสนอความเป็นเมืองน้ำแร่ต้นแบบ พัฒนาสิ่งที่มีอยู่ ใช้สิ่งที่มีอยู่ยกระดับให้ได้มาตรฐานสากลเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว โดยขณะนี้มีการทำข้อตกลง MOU กับมหาวิทยาลัยสวนสุนันทา และมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ในการถ่ายทอดองค์ความรู้และพัฒนาด้านน้ำแร่ และการจับคู่ Sister City กับเมืองมินาคามิ ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงของบประมาณในการปรับปรุงบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน จากกลุ่มคลัสเตอร์ จำนวน 25 ล้านบาท เพื่อยกระดับมาตรฐาน
นอกจากนี้ ยังนำแพทย์ทางเลือกเข้ามาจัดโปรแกรมสุขภาพ เชื่อมโยงกับท้องถิ่น ชุมชน สถานศึกษา และมีการของบประมาณเพื่อสนับสนุนโครงการเส้นทางท่องเที่ยวธรรมชาติป่ากลางเมือง เส้นทางจักรยาน และจุดต้อนรับประตูสู่ระนอง รวมถึงโครงการรถไฟเชื่อมโยงชุมพรระนอง นอกจากนี้ ยังเตรียมเมืองระนองให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Nice and Clean
นางกอบกาญจน์ กล่าวด้วยว่า ได้เร่งให้คณะทำงานในกลุ่มคลัสเตอร์ขับเคลื่อนโครงการต่างๆ เพื่อเขื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวได้แก่ 1) เพชรบุรี: การท่องเที่ยวเชื่อมโยงโครงการในพระราชดำริ 2) ประจวบคีรีขันธ์: เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวครอบครัว และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พัฒนาท่าเรือเชื่อมฝั่งอ่าวไทยตะวันออกและตะวันตก การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สร้างหอดูดาว เนื่องจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นจุดที่สามารถดูดาวได้ดีที่สุด มองออกไปเป็นท้องฟ้าเหนือท้องทะเล ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง
3) ระนอง: มุ่งสู่การเป็นเมืองน้ำแร่ต้นแบบ ปรับปรุงบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน พัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ปรับภูมิทัศน์ประตูสู่ระนอง สร้างมาตรฐาน Nice & Clean ระนองเชื่อมกับมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยของกรมการท่องเที่ยว 4) ชุมพร: เพิ่มเที่ยวบิน และขยาย runway เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาชุมพรได้ง่ายขึ้นในราคาถูกลง
รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวด้วยว่า จากนี้จะต้องทำงานร่วมกันทุกฝ่าย เพื่อเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยง 2-3 จังหวัด แต่ละเส้นทางเน้นการซื้อของท้องถิ่น และการท่องเที่ยวโดยชุมชน เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้อย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่