นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเห็นชอบเรื่องแผนระบบรับส่งและโครงการสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติเพื่อความมั่นคง ในการรองรับการจัดหาและนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) โดยให้ดำเนินโครงการขยายกำลังการแปรสภาพ LNG ของมาบตาพุด LNG Terminal เพิ่มเติมอีก 1.5 ล้านตัน/ปี ในวงเงินงบประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดส่งก๊าซเข้าสู่โครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติในปี 2562
โครงการดังกล่าวมี บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ และเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา บริษัทได้ออก ประกาศเชิญชวนจองความสามารถในการให้บริการของมาบตาพุด LNG Terminal สำหรับกำลังการแปรสภาพ LNG ส่วนขยายเพิ่มเติม 1.5 ล้านตัน/ปี จากกำลังการผลิตสูงสุดรวมเป็น 11.5 ล้านตัน/ปี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560 บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ได้รายงานผลการเตรียมความพร้อมต่อสำนักงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ทราบถึงรายละเอียดการเปิดให้จองความสามารถในการให้บริการของสถานีแอลเอ็นจี มาบตาพุด ส่วนขยายเพิ่มเติม 1.50 ล้านตัน/ปีว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะให้ผู้ที่ประสงค์จะขอใช้บริการยื่นหนังสือแสดงเจตจำนง พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2560 ในเวลา 10.00 น. ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2560 ในเวลา 17.00 น. (เฉพาะในเวลาทำการของบริษัท)
บริษัทจะประกาศผลการจัดสรรปริมาณความสามารถในการให้บริการในวันที่ 31 ตุลาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ซึ่งขณะนี้ได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ใช้บริการ (Shipper) ของสถานีแอลเอ็นจี มาบตาพุดแล้ว จำนวน 2 ราย คือ บมจ.ปตท.(PTT) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
"ที่ผ่านมา กกพ.ได้พยายามผลักดันให้ผู้ประกอบกิจการพลังงานรายใหม่เข้าใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติหรือสถานีแอลเอ็นจีผ่านการจัดสัมมนาสร้างความรู้ความเข้าใจถึงหลักการและข้อกำหนดในการใช้หรือ เชื่อมต่อกับระบบส่งก๊าซธรรมชาติ หรือการใช้บริการสถานีแอลเอ็นจี (TPA Code) ร่วมกับ ปตท.และ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด โดย กกพ.มุ่งหวังที่จะให้เกิดการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ภายใต้กฎเกณฑ์ที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และมีความโปร่งใส เพื่อให้ผู้ใช้พลังงานได้รับประโยชน์สูงสุด"นายวีระพล กล่าว