นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การทำตลาดข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจนผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด หลังได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ดังนั้นจึงอยากให้เกษตรกรหันมาเพาะปลูกให้มากขึ้น
"ข้าวเหนียวเขาวงกำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เพราะมีคุณสมบัติพิเศษที่มีความนุ่ม กลิ่นหอม ไม่ติดมือ สามารถเก็บความนุ่มไว้ได้นาน...ขณะนี้ผลผลิตยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด จึงขอเชิญชวนให้เกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูกหันมาเพาะปลูกข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นด้วย" นางอภิรดี กล่าว
การผลิต “ข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์ มีพื้นที่เพาะปลูกใน 3 อำเภอได้แก่ อำเภอเขาวง ทั้งหมด 6 ตำบล อำเภอกุฉินารายณ์ 2 ตำบล เฉพาะตำบลนาโก และตำบลหนองห้าง ส่วนอำเภอนาคู 2 ตำบล เฉพาะตำบลนาคู และตำบลบ่อแก้ว มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการผลิตข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์จำนวน 427 ราย มีพื้นที่การผลิตจำนวน 4,006 ไร่ ผลผลิต 1,644 ตัน/ปี (ผลผลิตเฉลี่ย 410 กก./ไร่) ในขณะที่มีพื้นที่ปลูกข้าวเหนียวที่ขึ้นทะเบียนไว้ในเขต GI ประมาณ 54,000 ไร่ แต่มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการผลิตข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ เพียงร้อยละ 7.25 เท่านั้น
ทั้งนี้เนื่องจากการผลิตข้าว GI ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามคู่มือการปฏิบัติงานสำหรับสมาชิกผู้ขอใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย กระบวนการผลิตต้องใช้วิธีปักดำและเก็บเกี่ยวด้วยมือเท่านั้นอีกทั้งพื้นที่เพาะปลูกยังขาดแหล่งน้ำต้องพึ่งพาน้ำฝนทำให้ได้ผลผลิตไม่แน่นอน
ด้านการจำหน่าย ข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ เกษตรกรได้รวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์ข้าวเหนียวเขาวง โดยรับซื้อข้าวเปลือกจากสมาชิกที่ผลิตข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ในราคา 17-18 บาท/กก. เพื่อนำไปสีแปรรูปเป็นข้าวสารบรรจุถุงราคา 60 บาท/กก.จำหน่ายในพื้นที่และต่างจังหวัดรวมทั้ง กทม. ขณะนี้ผลผลิตยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด