กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.10-33.35 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 33.30 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 27 เดือนครั้งใหม่ หลังรายงานการขยายตัวตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด แต่เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว หลังธนาคารแห่งประเทศไทยขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินให้แจ้งข้อมูลหากพบพฤติกรรมการโอนเงินบาทระหว่างบัญชีของผู้มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศที่ผิดปกติ นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ยังรายงานยอดขาดดุลการค้าเดือนกรกฎาคมซึ่งถือเป็นการขาดดุลครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2558 ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยด้วยมูลค่า 6.0 พันล้านบาท และ 9.2 พันล้านบาท ตามลำดับ
เริ่มต้นสัปดาห์ดัชนีดอลลาร์ซึ่งใช้วัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับตระกร้าสกุลเงินหลักปรับลงต่ำกว่าแนวรับสำคัญหลังการประชุมผู้นำธนาคารกลางทั่วโลกที่เมืองแจ็กสัน โฮล สิ้นสุดลง โดยประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้แสดงความกังวลที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้น ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เลี่ยงที่จะระบุถึงแนวโน้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในการแถลงสุนทรพจน์ ส่งผลให้เงินยูโรปรับขึ้นสู่ระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง และกดดันค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญอื่นๆ ด้วย
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ แม้ว่าเงินบาทจะเผชิญแรงขายจากประเด็นขาดดุลการค้าซึ่งทางการคาดว่าไทยจะขาดดุลอีกสักระยะหนึ่ง กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์มองว่า หากยอดนำเข้าที่สูงขึ้นต่อเนื่องสะท้อนการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการลงทุนภาคเอกชน สัญญาณเชิงบวกของการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมอาจกระตุ้นเงินทุนไหลเข้าระยะยาวจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยจำกัดการอ่อนค่าของเงินบาทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เงินดอลลาร์ในตลาดโลกยังคงเผชิญกับปัจจัยลบหลายอย่างรุมเร้า
ส่วนสัปดาห์นี้ตลาดการเงินโลกจะจับตาข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ รวมถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปภาษีของรัฐบาลทรัมป์