นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า รฟท.ได้เลื่อนวันเสนอราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร สัญญาที่ 1 ช่วงประจวบฯ-บางสะพานน้อย ราคากลาง 6,579.91 ล้านบาท และสัญญาที่ 2 ช่วงบางสะพานน้อย-ชุมพร ราคากลาง 6,071.50 ล้านบาทไปเป็นวันที่ 5 ก.ย.นี้ จากกำหนดการเดิมวันที่ 31 ส.ค.นี้ เนื่องจากประกาศผุ้มีสิทธิเสนอราคาล่าช้าออกไป
ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางจิระ สัญญา 1 ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร ราคากลาง 7,721.13 ล้านบาท ยังคงจะจัดให้มีการเสนอราคาตามกำหนดการเดิมในวันที่ 1 ก.ย.นี้
แต่สัญญา 2 ช่วงคลองขนานจิตร - ชุมทางจิระ เลื่อนประกาศชื่อผู้มีสิทธิเสนอราคา และเลื่อนวันประมูลออกไปก่อน เนื่องจากต้องรอความชัดเจนเส้นทางที่ต้องตัดผ่านชุมชนเมืองนครราชสีมา เบื้องต้นจะสร้างเป็นทางรถไฟยกระดับ ระยะทาง 5 กม.ตามคำเรียกร้องของชาวบ้านในพื้นที่ โดยวงเงินก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 2 พันล้านบาท เป็นประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมราคากลางอยู่ที่ 7,060.58 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีโอกาสสูงที่จะยกเลิกทีโออาร์เดิม และให้เอกชนเข้ามายื่นประมูลใหม่
นายอานนท์ กล่าวว่า สำหรับสัญญาอื่นยังคงเดินหน้าตามกำหนดเดิม คือ
4 ก.ย. จะเปิด e-Auction รถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญาที่ 2 ช่วงท่าแค-ปากน้ำโพ ราคากลาง 8,813.30
7 ก.ย.จะเปิด e-Auction รถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางจิระ สัญญา 3 ที่เป็นงานอุโมงค์รถไฟ ราคากลาง 9,399.46 ล้านบาท และรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญา 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกระเทียม ซึ่งเป็นงานรถไฟยกระดับ ราคากลาง 10,147.05 ล้านบาท
ทั้งหมดนี้ รฟท.คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญางานโยธา 10 สัญญาได้ตามกำหนดภายในเดือนก.ย.นี้
สำหรัลผู้รับเหมารายใหญ่ได้ยื่นประมูลรถไฟทางคู่ทุกสัญญา ได้แก่ บมจ.อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล็อปเมต์ (ITD) บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) บมจ.ช.การช่าง (CK) และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC)
ก่อนหน้านี้ รฟท.ได้ประมูลงานก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ไป 2 เส้นทางได้แก่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ITD เสนอราคาต่ำสุด 5,807 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 20% ซึ่งอยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท ส่วนช่วงนครปฐม-หัวหิน สัญญาที่ 1 เป็นบริษัท เอ เอส แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด เสนอราคาต่ำสุด 8,198 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 8,390 ล้านบาท
และสัญญาที่ 2 เป็น STEC ที่เสนอราคาต่ำสุด 7,520 ล้านบาทต่ำกว่าราคากลาง 7,676.93 ล้านบาท