ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในคดีที่ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้อง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อขอให้มีคำสั่งตรวจรับมอบรถยนต์โดยสารฯ ในวันที่ 6 กันยายน 2560 เวลา 09.30 น.
ทั้งนี้ บริษัท เบสท์รินฯ ฟ้องว่า ขสมก.ผิดสัญญาซื้อขายและจ้างซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) สัญญาเลขที่ ร.50/2559 ลงวันที่ 30 ก.ย.59 กรณีไม่ตรวจรับรถยนต์โดยสารปรับอากาศจำนวน 390 คัน ซึ่งบริษัท เบสท์รินฯ ได้ส่งมอบตามสัญญา โดย ขสมก.อ้างว่าสำนักงานอัยการมีความเห็นให้รอกรมศุลกากรตรวจสอบเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของสินค้าก่อน อันถือเป็นการอ้างเหตุนอกสัญญาโดยไม่มีเหตุผลความจำเป็น ซึ่งบริษัท เบสท์รินฯ ได้แจ้งให้ ขสมก.ตรวจรับมอบรถยนต์โดยสารดังกล่าวตามสัญญาจำนวนหลายครั้ง แต่ยังคงเพิกเฉย เป็นเหตุให้บริษัท เบสท์รินฯ ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
คดีนี้ ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.60 ให้ ขสมก.ดำเนินการตรวจรับรถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าชธรรมชาติ (NGV) ที่ออกจากอารักขาของศุลกากรแล้วไว้ชั่วคราว ก่อนศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และภายหลังการดำเนินการตรวจรับรถยนต์โดยสารตามข้อสัญญาอื่น ๆ แล้ว ให้ ขสมก.ปฏิบัติตามสัญญาฯ ต่อไป
เนื่องจากศาลเห็นว่า รถยนต์โดยสารที่บริษัท เบสท์รินฯ ได้เตรียมส่งมอบให้แก่ ขสมก.นั้น แม้ว่ารถยนต์โดยสารดังกล่าวเจ้าพนักงานศุลกากรจะมีข้อสงสัยว่าไม่ใช่รถยนต์โดยสารที่ประกอบในประเทศมาเลเซีย แต่เป็นรถยนต์โดยสารที่ประกอบในประเทศจีนก็ไม่มีผลแตกต่างกันในสาระสำคัญที่จะทำให้สัญญาซื้อขายและจ้างซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าชธรรมชาติ (NGV) ไม่อาจใช้บังคับกันได้
และประเด็นดังกล่าวยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในชั้นไต่สวน อีกทั้งเป็นประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยในส่วนเนื้อหาของคดี และในชั้นนี้ ขสมก.ก็มิได้ชี้แจงต่อศาลว่า รถยนต์โดยสารดังกล่าวมีคุณสมบัติหรือคุณลักษณะไม่ตรงตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญา หรือไม่ตรงตามข้อกำหนดในสัญญาข้อใดที่เป็นสาระสำคัญ
ดังนั้น การให้ ขสมก.ตรวจรับรถยนต์โดยสารไว้ เห็นว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ในทางตรงข้ามกลับจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอในระหว่างการพิจารณาตามคำขอของบริษัท เบสท์รินฯ ตามมาตรา 264 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ประกอบข้อ 77 แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 และตามมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางยังได้มีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.60 ให้ ขสมก.ระงับการกระทำการใด ๆ เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญาจากธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) ตามหนังสือค้ำประกันเลขที่ HOB28301 B600284 ลงวันที่ 30 ก.ย.59 จำนวน 338,971,082 บาท จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น ขสมก.จึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด