พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยินดีที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศระบุว่า สถานะทางการเงินของไทยเข้มแข็งขึ้น เนื่องผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเริ่มลดลง ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผ่อนคลายมากขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้ตามวัฏจักร รวมทั้งยังได้แรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่งมากขึ้น
“นายกฯ ย้ำว่า สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชนในการเคารพกฎหมายและร่วมกันประคับประคองให้บ้านเมืองมีความสงบสุขเรียบร้อย แม้ว่าบางคนจะยังมีความรู้สึกคุกรุ่นอยู่ในใจบ้าง แต่หากมองไปข้างหน้าเมื่อทุกฝ่ายร่วมใจกัน ก็จะทำให้เกิดความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจมั่งคั่งขึ้น และสังคมมีความน่าอยู่ ท้ายที่สุดประชาชนก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยรัฐบาลเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้"
ทั้งนี้ มูดี้ส์ยังคงจัดอันดับสถานะสินเชื่อของรัฐบาลอยู่ที่ระดับ Baa1 คือ ไทยยังมีโครงสร้างหนี้ที่ดี มีความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงินและเศรษฐกิจมหภาคโดยรวม และมีแนวโน้มความแข็งแกร่งของการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่สมเหตุสมผล โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีนี้จะขยับเป็นร้อยละ 3.4 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้กำชับไปยังหน่วยงานด้านเศรษฐกิจให้นำข้อสังเกตของมูดี้ส์เรื่องการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ศักยภาพด้านการแข่งขัน และความ ต้องการในการซื้อสินค้าและจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศที่ยังเป็นอุปสรรคอยู่บ้าง ไปพิจารณาหาแนวทางปรับปรุงแก้ไข โดยยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุนทุกรูปแบบ การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันทุกด้าน รวมทั้งการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในประเทศผ่านมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ มูดี้ส์เชื่อว่าความมีเสถียรภาพทางการเมืองของไทยจะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประเทศ และหากสามารถเร่งรัดพัฒนาศักยภาพการแข่งขัน และสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนทั้งจากนักลงทุนภายในและภายนอกประเทศสำเร็จ ก็จะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยกลับมาดีขึ้นในระดับที่เคยเป็นมา