กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.10-33.30 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 33.18 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 28 เดือนครั้งใหม่ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยด้วยมูลค่า 5.6 พันล้านบาท และ 1.39 หมื่นล้านบาทตามลำดับ ในเดือนสิงหาคมเงินบาทแข็งค่าขึ้นราว 0.4% จากเดือนก่อนหน้า และแข็งค่าขึ้นกว่า 7% ในปีนี้ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับยูโรและเยน หลังยูโรไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1.2000 ดอลลาร์ได้ ทั้งนี้ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีกระทบบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงช่วงสั้นๆ และดอลลาร์ยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลจีดีพีไตรมาสสองของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งกว่าคาด
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ BAY มองว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด และค่าจ้างที่เติบโตในอัตราชะลอตัวลงทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุลตามแผนที่เฟดวางไว้ได้หรือไม่ ทั้งนี้สัญญาดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่า มีความน่าจะเป็นต่ำกว่า 40% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ อย่างไรก็ตามการเตรียมการของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อยื่นขอให้สภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์อาจเป็นจังหวะให้สภาลดความขัดแย้งเรื่องการขยายเพดานหนี้ ซึ่งจะช่วยลดแรงเทขายดอลลาร์ได้บ้าง
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ BAY มองว่า จุดสนใจหลักของตลาดการเงินโลกสัปดาห์นี้จะอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) วันที่ 7 กันยายน โดยตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขจ้างงานที่แย่กว่าคาดของสหรัฐฯ ส่งผลต่อดอลลาร์เพียงชั่วคราวและดอลลาร์สามารถพลิกกลับมาแข็งค่าได้ในช่วงท้ายตลาดนิวยอร์ค สะท้อนว่าตลาดมีความวิตกมากขึ้นว่า ประธานอีซีบีอาจแสดงความกังวลอย่างชัดเจนต่อเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปียูโรแข็งค่าขึ้นแล้วกว่า 13% ซึ่งอาจจะกระทบต่อแผนการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เนื่องจากค่าเงินที่แข็งขึ้นจะชะลอการฟื้นตัวของเงินเฟ้อ
สำหรับปัจจัยภายในประเทศที่ยังคงต้องติดตาม คือ ท่าทีของธนาคารแห่งประเทศไทยต่อการแข็งค่าของเงินบาท แม้รัฐบาลจะแสดงความเชื่อมั่นว่ากระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยระลอกใหม่สะท้อนแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สดใสขึ้นก็ตาม ส่วนข้อมูลเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมยังอยู่ในระดับต่ำและคาดว่าจะไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการดำเนินนโยบายการเงินของไทยในระยะ 1-2 ไตรมาสข้างหน้า