นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนานำเสนอผลงานและรับฟังความคิดเห็นโครงการศึกษาพัฒนาระบบเครือข่ายโลจิสติกส์รองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษรูปแบบอุตสาหกรรมอนาคต Super Cluster และประตูการค้าสำคัญของประเทศฉบับสมบูรณ์ว่า สนข. ได้ดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์การพัฒนาระบบเครือข่ายโลจิสติกส์ รองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษรูปแบบอุตสาหกรรมในอนาคต Super Cluster และประตูการค้าสำคัญของประเทศเพื่อรองรับการพัฒนาทั้งในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน (Hard Side) โครงข่ายหลัก โครงข่ายรอง สิ่งอำนวยความสะดวกการขนถ่ายสินค้ารวมถึงกิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการ (Soft Side) รวม 101 โครงการ วงเงินลงทุน 342,000 ล้านบาท โดยไม่รวมโครงการที่ลงทุนร่วมเอกชน (PPP) เช่น รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง ,ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 และศูนย์ซ่อมอากาศยาน อู่ตะเภา
นายชัยวัฒน์ คาดว่าเมื่อมีการพัฒนาตามแผนงานดังกล่าว ร่วมกับการพัฒนาเมือง ภาคอุตสาหกรรม และภาคการท่องเที่ยวจะช่วยผลักดันให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) เพิ่มขึ้น 4% ในปี 64 และเพิ่มเป็น 4.9% ในปี 69 โดยในส่วนของพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง คาดว่าจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ 18% ในปี 64 และ 40% ในปี 69 สามารถลดต้นทุนโลจิสติกส์ทางถนนได้ 2.67% และการขนส่งทางรางได้ 19.83%
สำหรับการนำเสนอผลการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นฯ ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมสัมมนาไปปรับปรุงร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ (Draft Final Report) นำเสนอ คณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กรศ.) ที่มีนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธานในการประชุมเดือนก.ย.นี้ จากนั้นจะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก่อนรายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทราบต่อไป
อนึ่ง ในการพัฒนาระบบเครือข่ายโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษรูปแบบอุตสาหกรรมอนาคต Super Cluster เน้นการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และปราจีนบุรี รวมถึงประตูการค้าสำคัญในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด