นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) อีกกิโลกรัม (กก.) ละ 67 สตางค์ ตามมติของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ส่งผลให้ราคาขายปลีกปรับขึ้นเป็นกก.ละ 21.15 บาท และก๊าซหุงต้มบรรจุถังขนาด 15 กก.ปรับขึ้นอีกถังละ 10 บาทมาอยู่ที่ถังละ 353 บาท มีผลตั้งแต่วันนี้ว่า เชื่อว่าไม่ส่งผลทำให้สินค้าปรับขึ้นราคา เพราะก๊าซหุงต้มกระทบต่อทุนสินค้าเพียงเล็กน้อย ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในตรวจสอบราคาจำหน่ายสินค้าทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าผิดปกติ หากพบเห็นการปรับขึ้นราคาสินค้าอย่างผิดปกติแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 ได้ทันที
"ส่วนผู้ประกอบการอาหารจานด่วน ขณะนี้กระทรวงฯ อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงพลังงาน เพื่อหามาตรการช่วยเหลือร้านค้าขนาดเล็ก และร้านแผงลอยที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการหนูณิชย์พาชิม จึงต้องผลักดันให้เข้าร่วมโครงการมากขึ้น เพราะจะมีการเชื่อมโยงวัตถุดิบ คือก๊าซหุงต้มในราคาถูกให้ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากราคาก๊าซหุงต้มที่ปรับตัวสูงขึ้น" รมว.พาณิชย์ระบุ
ด้าน น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มครั้งนี้ส่งผลให้ต้นทุนผู้ประกอบการเพิ่มเพียงเล็กน้อย และทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเพียง 0.04% จึงไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้ร้านจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จใช้เป็นข้ออ้างปรับขึ้นราคา
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้ออกประกาศราคาจำหน่ายปลีกแนะนำในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ โดยราคาก๊าซ LPG ขนาดถัง 15 กก. ปรับเพิ่มขึ้นถังละ 10 บาท จากเดิม 343 บาท เป็นถังละ 353 บาท และในต่างจังหวัด ราคาจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นจากราคาเดิมถังละ 10 บาท ซึ่งได้แจ้งผู้ค้าก๊าซ (มาตรา 7) โรงบรรจุก๊าซ และสมาคมแก็สปิโตรเลียมเหลวให้กำชับร้านค้าปลีกจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้มไม่สูงกว่าราคาแนะนำ พร้อมกันนี้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบการจำหน่ายปลีกก๊าซหุงต้มทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล และประสานพาณิชย์จังหวัดให้กำกับดูแลราคาจำหน่ายอย่างใกล้ชิดและเข้มงวด