"สมคิด"หวังแนวโน้มอันดับ Doing Business ไทยดีขึ้นในปี 61 หลังปลดล็อคกฎระเบียบทำธุรกิจคล่องตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 6, 2017 17:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยหลังการประชุมการติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนการอำนวยการความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมว่า การดำเนินงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลดีต่อการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจของไทยขึ้นอย่างชัดเจน โดยล่าสุดของ World Bank (ธนาคารโลก) ได้ยืนยันผลการปฏิรูปของประเทศไทยที่สำรวจในเดือน พ.ค.60 ซึ่งระบุว่าประเทศไทยมีการปฏิรูปการอำนวยความสะดวกธุรกิจดีขึ้นอย่างชัดเจนใน 4 ด้าน ได้แก่

1.การเริ่มต้นธุรกิจ จากการยกเลิกข้อกำหนดในการให้ผู้ประกอบการจัดส่งสำเนาข้อบังคับการทำงานให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน รวมถึงยกเลกการใช้ตราประทับของบริษัทในใบหุ้น 2.การจดทะเบียนทรัพย์สิน จากการที่กรมที่ดินมีการจัดเก็บหนังสือแสดงสิทธิแบบอิเล็กทรอนิกส์ และมีการใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์สำหรับแสดงข้อมูลรูปแปลงที่ดินในเขตกรุงเทพฯ 3.การคุ้มครองนักลงทุนรายย่อย จากการให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยสามารถฟ้องร้องกรรมการบริษัทได้ง่ายขึ้น และ 4.การแก้ไขปัญหาการล้มละลาย จากการปรับเปลี่ยนวิธีการลงคะแนนเสียงในแผนการฟื้นฟู

ทั้งนี้ ผลการจัดอันดับ Doing Business ปีที่ผ่านมา ไทยอยู่อันดับที่ 46 แต่ในการจัดอันดับใหม่ล่าสุดปี 2561 ที่ธนาคารโลกจะประกาศผลการจัดอันดับในเดือน ต.ค.นี้ คาดหวังว่าอันดับของไทยจะดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยนายสมคิด ต้องการให้อยู่ใน 39 อันดับแรก

"ตอนนี้เป็นโอกาสดี เพราะประเทศไทยมีการปฏิรูปที่เร็วกว่าประเทศอื่น ทำให้แนวโน้มการจัดอันดับของไทยดีกว่าประเทศอื่นมาก และเป็นโอกาสของไทยที่ดีขึ้นในอนาคต เนื่องจากรัฐบาลไทยมีการทำงานอย่างเป็นเอกภาพ และมีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศอย่างชัดเจน แตกต่างจากยุคก่อนที่เป็นนักการเมือง ซึ่งแต่ละกระทรวงก็บริหารจากหลายพรรคการเมือง ทำให้การพัฒนาได้ยุ่งยากกว่า" นายอภิศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ดี เบื้องต้นจากตัววัดผลการจัดอันดับทั้งหมด 10 เรื่อง มีถึงเรื่อง 4 เรื่องที่ไทยปฏิรูปได้ดีขึ้นมาก ส่วนเรื่องที่เหลือไทยจะเร่งดำเนินการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยนายสมคิด ได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ นำแผนปฏิรูปมาดูอีกครั้งว่าสิ่งที่ธนาคารโลกให้ปรับปรุงว่ามีอะไรที่ยังไม่ได้ทำบ้าง เพื่อให้รีบทำให้ลุล่วงโดยเร็ว พร้อมกับสั่งทุกหน่วยงานกำหนดแผนงาน ระยะเวลาให้ชัดเจน โดยจะต้องเชื่อมโยงไปสู่การบริการอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งธนาคารโลกให้ความสำคัญมาก ขณะเดียวกันจะมีการปลดล็อก ยกเลิกกฎหมายอีกหลายเรื่องเพื่อสร้างความคล่องตัวในการทำธุรกิจ

ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้มีคำขอที่ค้างการอนุมัติจำนวนมาก เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ จึงเตรียมเสนอให้คณะกรรมการปฏิรูปฯ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในการประชุมเดือนต.ค.นี้ พิจารณาแก้ปัญหา โดยกรมฯจะขอบริหารจัดการบุคลากรเอง ไม่ต้องผ่านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เช่น ขอเพิ่มอัตรากำลังคนเอง รวมถึงการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดขั้นตอนการจดทะเบียน และทำให้การพิจารณารวดเร็วขึ้น

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ปัจจุบัน กรมฯ พิจารณาอนุมัติคำขอจดสิทธิบัตรได้เร็วขึ้น หลังจากได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ใหม่อีก 120 ตำแหน่ง แต่ยังไม่เพียงพอ และต้องการเพิ่มอีกมาก โดยในช่วง 11 เดือนของปีงบ 60 (ต.ค.59-ส.ค.60) อนุมัติคำขอแล้ว 6,000 คำขอ จากปกติจะอนุมัติได้เฉลี่ยปีละ 2,000 คำขอ แต่มีคำขอใหม่เข้ามาถึงเฉลี่ยปีละ 8,000 คำขอ โดยล่าสุดมีคำขอจดสิทธิบัตรสะสมที่ยังไม่ได้อนุมัติมากถึง 36,000 คำขอ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ