นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศ ได้จัดงานสัมมนาการค้าต่างประเทศ ซีรี่ส์ 3 “ล้วงลึกยุทธศาสตร์พญามังกรใหม่ ไทยได้อะไรจาก One Belt One Road" เนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี แห่งการสถาปนากรมฯ โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญตลาดจีนอย่างนายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานสภาธุรกิจไทย-จีน มาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจตลาดจีนถึงที่มาที่ไปของนโยบายดังกล่าว และโอกาสที่ไทยจะได้รับจากนโยบายนี้ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญตลาดจีนท่านอื่นๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ที่ให้เกียรติมาให้ความรู้และประสบการณ์ให้กับผู้เข้าร่วมงานที่สนใจมาเข้าร่วมงานกว่า 1,200 คน
ทั้งนี้ การดำเนินนโยบาย One Belt One Road ของจีน กรมฯ มองว่า ไทยจะได้ประโยชน์ในการเป็นศูนย์กลางด้านการค้าและการลงทุนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะไทยเป็นจุดศูนย์กลางของเส้นทางการค้า ทั้งทางบกและทางทะเล โดยทางทะเลไทยมีที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์อยู่ระหว่าง 2 มหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ขณะที่ทางบก ไทยเป็นเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงจีนกับประเทศในอาเซียนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งทางถนนและรถไฟ
ปัจจุบันจีนมีโครงการเชื่อมเส้นทางรถไฟจากเมืองคุนหมิง โดยมีปลายทางคือประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้ผ่านประเทศไทยและมีโครงการที่จะเข้ามาลงทุนในจังหวัดเชียงรายที่จะใช้เป็นจุดเชื่อมต่อ โดยรถไฟสายหนึ่งจะมาสู่แหลมฉบับและในอนาคตจะก่อสร้างจนถึงประเทศสิงคโปร์ และรถไฟความเร็วสูงยังจะเชื่อมกับระเบียงเศรษฐกิจของประเทศจีน คือ แนวมะละแหม่ง ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม โดยจะเชื่อมต่อผ่านเส้นทางถนนกับเมืองทวาย ซึ่งไทยได้มีแผนรองรับเขตเศรษฐกิจที่สี่แยกอินโดจีน จ.พิษณุโลก เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการขนส่งและโลจิสติกส์แล้ว
สำหรับนโยบาย One Belt One Road เป็นนโยบายที่นายสี จิ้นผิง ผู้นำจีนคนปัจจุบันที่ได้ให้ความสำคัญและผลักดัน โดยเน้นการสร้างความเชื่อมโยง และความร่วมมือกับนานาประเทศทั้งในเอเชีย ตะวันออกกลาง และยุโรป โดยให้ความสำคัญในด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่ครอบคลุมมิติทางวัฒนธรรมด้วย และยังได้มีการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเอเชีย (AIIB) เพื่อให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ในด้านต่างๆ อาทิ โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน คมนาคม และการสื่อสารโทรคมนาคม เป็นต้น