นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวถึงผลการประชุมหารือ เรื่อง Over The Top (OTT) ของที่ประชุมหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศสมาชิกอาเซียน หรือ ASEAN Telecommunications Regulators’ Council (ATRC) ระหว่างวันที่ 12-13 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมฯ มีข้อสรุปเป็นหลักการที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่หน่วยงานกำกับดูแลของอาเซียน 3 ข้อ คือ ส่งเสริมและกำกับดูแลระหว่างอุตสาหกรรม ระหว่างองค์กรกำกับดูแลเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและผลประโยชน์ของประเทศในด้านภาษี, สร้างสภาวะการแข่งขันที่เหมาะสมและเท่าเทียมกันระหว่างประกอบกิจการโทรคมนาคมกับผู้ให้บริการ OTT และระหว่างผู้ให้บริการ OTT รายใหญ่และรายเล็ก และส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยี ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และการเข้ากันได้ของระบบต่างๆ โดยจะเน้นเนื้อหาที่นำมาให้บริการเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่หลากหลาย
อนึ่ง ในการประชุมของหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศสมาชิกอาเซียน หรือ ASEAN Telecommunications Regulators’ Council (ATRC) มีประเทศในกลุ่มอาเซียนเข้าร่วมประชุม 8 ประเทศ
ทั้งนี้ กสทช.จะนำหลักการดังกล่าวมาส่งเสริมแลรองรับการบริการโอทีทีในประเทศไทยใน 3 ประเด็น คือ นโยบายภาษี กสทช.จะประสานกับกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อให้มีการดำเนินการด้านภาษีกับผู้ให้บริการ OTT โดยรายได้จาการให้บริการในประเทศไทยควรมีการจัดเก็บรายได้เข้าประเทศ
ในส่วนการคุ้มครองผู้บริโภค จะให้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เผยแพร่ผ่าน OTT และการสื่อสารผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค รวมถึงการเข้าถึงเนื้อหาที่ไมเหมาะสมตามกฎหมายของประเทศไทย โดยแนวทางน่าจะเป็นการขอความร่วมมือจากผู้ให้บริการเพื่อออกเป็นแนวปฎิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมายไทย
ส่วนการส่งเสริมการแข่งขันที่เท่าเทียมกัน กสทช.จะสนับสนุนการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการแข่งขันสำหรับการประกอบกิจการโอทีที รวมถึงการให้บริการโอทีทีที่จะเกิดขึ้นขึ้นในอนาคต เพื่อให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมร่วมมือกับผู้ให้บริการโอทีทีในการแข่งขันบนกฎกติกาเดียวกัน โดยทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการใช้บริการที่หลากหลายไม่ปิดกันแนวคิดสร้างสรรของบริการโอทีทีแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้น
"กสทช.จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วจัดทำร่างประกาศหลักเกณฑ์สำหรับบริการ OTT แล้วนำไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะจากทุกฝ่ายในสังคม แล้วจึงประกาศใช้ เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาเศรษฐกิจของเราเอง คิดว่าเดือนพ.ย.หรือธ.ค.น่าจะเริ่มดำเนินการนำประกาศไปรับฟังความคิดเห็นได้” นายฐากร กล่าว