พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า การเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมที่จะหมดอายุสัมปทานในปี 65-66 ทั้ง 2 แหล่งคือแหล่งเอราวัณ และบงกชนั้น คาดว่าจะดำเนินการในเดือน ต.ค.-พ.ย.60 และจะรู้ผลผู้ชนะการประมูลในเดือน พ.ค.-มิ.ย.61 หลังจากมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมแล้ว และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างกฎกระทรวงและร่างประกาศที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการเปิดประมูลดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบถ้อยคำจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำหรับนโยบายของกระทรวงพลังงานเพื่อสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลมี 2 ข้อ คือ การมีส่วนร่วมในการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศ และการมีส่วนร่วมในการเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
โดยการมีส่วนร่วมในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะการรองรับนักลงทุนญี่ปุ่นที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นั้นยืนยันว่าขณะนี้มีความพร้อมด้านไฟฟ้าและสายส่ง ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยืนยันว่าไม่มีปัญหาทั้งด้านไฟฟ้าและสายส่ง รวมทั้งสามารถลงทุนขยายเพิ่มเติมได้
ขณะที่การมีส่วนร่วมเพิ่ม GDP ของประเทศนั้น กระทรวงพลังงานมีการลงทุนประมาณ 5-6 แสนล้านบาท ซึ่งได้รวมการลงทุนของ บมจ.ปตท. (PTT) , กฟผ. และส่วนของการส่งเสริมพลังงานทดแทนแล้ว ส่วนงบประมาณที่เหลือจะเป็นการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งจะต้องช่วยกันดึงดูด และสร้างบรรยากาศการลงทุนเพื่อให้เอกชนเข้ามาลงทุนได้ตามเป้าหมาย
สำหรับนโยบายเร่งด่วนที่กระทรวงพลังงานจะเร่งดำเนินการคือเรื่องงานด้านอนุรักษ์พลังงาน การลดใช้พลังงาน ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงฯมีนโยบายผลักดันจูงใจผู้ประกอบการให้ติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ซึ่งเป็นประโยชน์มากสามารถลดใช้พลังงานมาก นอกจากนี้ยังเร่งส่งเสริมพลังงานทดแทนให้เป็นไปตามเป้าหมาย ภายใต้ราคาที่มีความเหมาะสมด้วย