นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ และประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยถึงกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 20,000 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ปรับขั้นตอนและกระบวนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อกองทุนดังกล่าวให้กระชับมีความรวดเร็วมากขึ้น รวมถึง ปรับสัดส่วนวงเงินสินเชื่อใหม่ให้เหมาะสมกับความต้องการของเอสเอ็มอีในพื้นที่ ซึ่งการปรับกระบวนการดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานไม่กระทบเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อ
สำหรับการปรับมี 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.ลดขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ เหลือเพียง 2 ขั้นตอน พิจารณาจากคุณสมบัติและวัตถุประสงค์การขอรับสินเชื่อ จากนั้นจะส่งเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์สินเชื่อทันที 2.กำหนดให้คณะอนุกรรมการวิเคราะห์เอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐประจำส่วนกลาง/ประจำจังหวัด รวมถึงคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนฯ ประจำส่วนกลางและประจำจังหวัด เปิดการประชุมเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง จากเดิมประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
3.ผ่อนปรนการเรียกตรวจเอกสาร โดยขอให้ส่งเฉพาะเอกสารสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาก่อน และ 4.ปรับสัดส่วนวงเงินสินเชื่อ เดิมรายที่ขอสินเชื่อไม่เกิน 3 ล้านบาท อยู่ในสัดส่วนร้อยละ 75 และรายที่ขอสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท อยู่ในสัดส่วนร้อยละ 25 มาเป็นสัดส่วน 50:50 เท่ากัน คือ สินเชื่อไม่เกิน 3 ล้านบาท อยู่ในสัดส่วนร้อยละ 50 และรายที่ขอสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท อยู่ในสัดส่วนร้อยละ 50 ทั้งนี้ เพื่อเป็นไปตามความต้องการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแต่ละพื้นที่ที่จำเป็นใช้วงเงินสูงขึ้นในการลงทุนและปรับปรุงกิจการ
ทั้งนี้ จากการปรับกระบวนการดังกล่าวสามารถพิจารณาอนุมัติให้สินเชื่อได้กว่า 9,900 ล้านบาท ภายในเดือนกันยายนนี้ โดยจะเร่งรัดเข้าคณะอนุกรรมการวิเคราะห์เอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐประจำส่วนกลาง/ประจำจังหวัด และคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนฯ ประจำส่วนกลางและประจำจังหวัดโดยเร็ว
สำหรับการพิจารณาสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ณ วันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา สามารถอนุมัติสินเชื่อแล้วถึง 4,971 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเร่งรัดพิจารณาอีก 5,025 ล้านบาท