น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยจำนวน 11.67 ล้านราย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมีกำหนดเริ่มใช้งานจริงตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ทำให้ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับสิทธิประโยชน์ใน 2 ส่วนหลัก คือ 1) ด้านค่าใช้จ่ายการเดินทางที่ลดลงในการโดยสารผ่านพาหนะสาธารณะต่างๆ ที่รัฐบาลกำหนด และ 2) ด้านการดำรงชีพด้วยการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรมในราคาถูก ผ่าน "ร้านธงฟ้าประชารัฐ" ซึ่งอยู่ในความดูแลของกระทรวงพาณิชย์
สำหรับสิทธิประโยชน์ด้านการดำรงชีพ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ลงพื้นที่เชิญชวนร้านค้าโชวห่วยเข้าร่วมโครงการเพื่อให้ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ และกรมฯ ยังได้เปิดรับสมัครร้านค้าโชวห่วยที่สนใจเข้าร่วมเป็นร้านธงฟ้าประชารัฐในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้ จะทำให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเกิดความสะดวกในการใช้สิทธิประโยชน์มากขึ้น สำหรับร้านค้าโชวห่วยในส่วนภูมิภาคสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการร้านธงฟ้าประชารัฐ นอกจากจะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้ได้รับความสะดวกแล้ว ร้านค้าก็สามารถกระตุ้นยอดขาย และยังมีโอกาสได้ซื้อสินค้าจากผู้ผลิตโดยตรงเพื่อจัดจำหน่ายในร้านได้ในต้นทุนที่ต่ำลงด้วย ซึ่งจะเป็นการกระจายรายได้เข้าสู่ร้านค้าในชุมชนให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยร้านค้าจะได้รับการโอนเงินจากรัฐบาลภายใน 3 วันนับจากการเกิดรายการ ช่วยให้การซื้อขายคล่องตัว และยังนำเทคโนโลยีเข้าสู่ร้านค้าในชุมชนช่วยลดความเสี่ยงในการเก็บเงินสดไว้ในร้านค้าอีกด้วย
สำหรับผู้มีรายได้น้อยจะช่วยค่าครองชีพได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยแต่ละเดือนรัฐบาลจะเติมเครดิตในบัตรฯ สำหรับช่วยค่าครองชีพทุกเดือน ในส่วนของการซื้อสินค้าผู้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิฯ ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาท/ปี รัฐบาลจะเติมเครดิตให้เดือนละ 200 บาท และผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/ปี รัฐบาลจะเติมเครดิตให้เดือนละ 300 บาท เพื่อนำมาใช้จ่ายในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านธงฟ้าประชารัฐ