นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนส.ค.60 อยูที่ระดับ 85.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 83.9 ในเดือนก.ค.60 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยค่าดัชนีฯ ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
สำหรับปัจจัยบวกมาจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่ สะท้อนจากยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม และปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ประกอบกับผู้ประกอบการมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร และเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น รวมทั้งยังได้รับผลดีจากการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านที่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ประกอบการที่มีศักยภาพมีแนวโน้มตัดสินใจลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อแสวงหาตลาดใหม่ๆ การลดต้นทุนการผลิตทั้งจากวัตถุดิบและค่าจ้างแรงงาน รวมทั้งเพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับธุรกิจ
ขณะที่ปัจจัยลบ พบว่าผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการส่งออก
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 101.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 101.6 ในเดือนก.ค.60 เนื่องจากผู้ประกอบการคาดว่าจะมีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2560
"ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นในเดือนส.ค.นี้ คือ อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ส่วนปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์การเมืองในประเทศ" นายเจนระบุ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ คือ ต้องการให้ภาครัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2560 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายภาครัฐ พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุนของผู้ประกอบการ SMEs เช่น ปรับลดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาสินเชื่อ การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และวงเงินสินเชื่อที่เหมาะสม รวมทั้งส่งเสริมให้มีการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐใช้สินค้าจากผู้ประกอบการ SMEs มากขึ้น และออกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าจากประเทศจีน เช่น เหล็ก และเครื่องจักร เพื่อปกป้องผู้ประกอบการในประเทศ