นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 60 คาดว่าจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง และมีโอกาสจะเติบโตได้มากกว่าระดับ 7% โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะจีน และสหรัฐฯ รวมถึงคู่ค้าสำคัญในแถบอาเซียนที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง จะส่งผลดีต่อการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เช่น น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ยางพารา
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงจากการแข็งค่าของเงินบาท ไม่ได้ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกในปีนี้เท่าใดนัก เนื่องจากเป็นการแข็งค่าของค่าเงินทั้งภูมิภาค เพียงแต่เรื่องค่าเงินยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อเนื่องไปถึงปีหน้า
"เชื่อว่าการส่งออกปีนี้คงจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 7% น่าจะทำได้แน่นอน เรื่องเงินบาทแข็งค่าคงไม่ส่งผลปีนี้ เพราะค่าเงินตอนนี้ก็ทำให้วัตถุดิบที่นำเข้ามาถูกลง การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่ดี น่าจะทำเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรา" รมว.พาณิชย์ ระบุ
ด้านน.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ขณะนี้เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะประเทศคู่ค้าขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดสหรัฐ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกของไทยเติบโตได้ดี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ยังต้องดำเนินการทั้งบุกตลาดใหม่ และตลาดหลักเดิมอย่างต่อเนื่องต่อไป
"เหตุที่การส่งออกของไทยเติบโตได้ดี เพราะตลาดหลักๆ ของไทยก็เริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้น หลังจากที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2008 ตลอดจนตลาด CLMV ที่เติบโตได้ดี ตลาดจีนก็โตต่อเนื่องถึง 25% ซึ่งเราคงต้องเน้นยุทธศาสตร์เมืองหลัก เมืองรองต่อไป เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกของไทยไปจีนยังเติบโตได้ต่อเนื่องในอัตราที่สูง" น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
พร้อมระบุว่า การส่งออกทั้งปีนี้เชื่อว่ามีโอกาสจะทำได้ที่ 7% หลังจากล่าสุดเดือน ส.ค.มูลค่าการส่งออกทะลุไปที่ระดับ 21,000 ล้านดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 55 เดือน ดังนั้นในอีก 4 เดือนที่เหลือ (ก.ย.-ธ.ค.) จึงมีโอกาสมากที่การส่งออกจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กรณีเงินบาทที่แข็งค่าในช่วงที่ผ่านมาพบว่าไม่ได้ส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทยในปีนี้มากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการได้มีคำสั่งซื้อและ Quote ราคากันไว้ล่วงหน้าแล้ว
"การส่งออกในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เงินบาทที่แข็งค่าไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก แต่เราก็ยังต้องติดตามต่อไป เพราะถ้าค่าเงินบาทในระดับ 33 บาทปลายๆ อาจจะไปส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกในปีหน้า ซึ่งการส่งออกในปีหน้าอาจจะไม่ดูดีเท่ากับในปีนี้" น.ส.พิมพ์ชนกระบุ