น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมาย ได้พิจารณาให้การส่งเสริมแก่กิจการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อผลิตเภสัชชีววัตถุแก่บริษัท เอบินิส จำกัด ซึ่งเป็นกิจการของคนไทย ถือหุ้นโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งร่วมมือกับบริษัท ซิมับ จำกัด ภายใต้การดูแลของรัฐบาลประเทศคิวบาและเป็นผู้ผลิตยากลุ่มชีวเภสัชภัณฑ์ (BIOPHARMACEUTICALS) ชั้นนำ ของโลก เงินลงทุนทั้งสิ้น 2,266 ล้านบาท
โครงการดังกล่าวเป็นการวิจัยพัฒนาและผลิตเภสัชชีววัตถุและยาชีววัตถุในกลุ่มโมโนโคลนอล แอนติบอดี (Monoclonal Antibody) ที่ผลิตจากเซลล์สัตว์ และยังไม่เคยมีการผลิตในประเทศไทยมาก่อน เพื่อใช้สำหรับรักษาโรคในคน ได้แก่ โรคมะเร็ง (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้) และโรคแพ้ภูมิตัวเอง (โรครูมาตอยด์ โรคภูมิแพ้ และโรคสะเก็ดเงิน)
สำหรับยาชีววัตถุส่วนใหญ่เป็นโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในร่างกาย มีหน้าที่ในการควบคุมระบบต่างๆ ในร่างกาย และสามารถบำบัดรักษาอาการผิดปกติต่างๆ จึงสามารถรักษาอาการป่วยต่างๆ ได้โดยการฉีดยาชีววัตถุเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย ยาชีววัตถุบางกลุ่มก็สามารถรักษามะเร็งได้อย่างจำเพาะเจาะจง ทำลายเฉพาะเซลล์มะเร็ง และไม่ได้ออกฤทธิ์ต่อเซลล์ทุกชนิดในร่างกายเหมือนยาเคมีบำบัดในรุ่นเดิมๆ แต่ยาในกลุ่มนี้เป็นยาสมัยใหม่จึงมีราคาสูงมาก
"โครงการนี้จะมีการวิจัยพัฒนาและผลิตยาชีววัตถุต้นแบบหนึ่งรายการที่สามารถใช้รักษาโรคแพ้ภูมิตนเองที่ทำงานโดยหยุดการโจมตีของเซลล์เม็ดเลือดขาวไม่ให้ไปทำลายเซลล์ปกติอื่นๆ ด้วยกลไลการออกฤทธิ์แบบใหม่ โดยคนไข้สามารถนำมาฉีดเองที่บ้านได้ ถือว่าเป็นยาต้นแบบครั้งแรกของโลก ที่มีการทำงานในลักษณะดังกล่าวและสะดวกต่อการใช้งาน ไม่ต้องไปโรงพยาบาล" น.ส.ดวงใจ กล่าว
รองเลขาธิการ BOI กล่าวว่า ที่ประชุมฯ เห็นว่าโครงการนี้เป็นการผลิตยาแนวใหม่โครงการแรกในประเทศไทย ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงตัวยาชีววัตถุของผู้ป่วยในประเทศไทย ช่วยยกระดับเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการลดการนำเข้าและเพิ่มการส่งออกยาชีววัตถุในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อสร้างบุคคลากรที่มีคุณภาพ การวิจัยพัฒนา ขั้นตอนการผลิต สูตรการผลิต และการควบคุมการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงพิจารณาให้การส่งเสริม และให้ได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงถึง 10 ปี เป็นโครงการแรกด้วย