นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวถึงผลสำรวจภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำเลทองหล่อ-เอกมัยว่า แม้จะมีราคาขยับขึ้นไปค่อนข้างสูง แต่ยังคงได้รับความสนใจจากผู้อยู่อาศัยทั้งชาวไทยและต่างชาติ เนื่องจากเป็นทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จึงยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่ดึงดูดผู้คนอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นย่านอยู่อาศัยหนาแน่นในอนาคต สำหรับบริเวณสถานี BTS ทองหล่อ-เอกมัย แบ่งพื้นที่ย่อยเป็น 3 โซนด้วยกัน คือซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55), สุขุมวิท 36-38 และซอยเอกมัย (สุขุมวิท 63) ซึ่งในแต่ละโซนมีระดับราคาและความนิยมต่างกัน
ทั้งนี้ จากผลการวิจัยของพลัสฯ พบว่าคอนโดมิเนียมเป็นที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมในย่านทองหล่อ-เอกมัย มีราคาปรับสูงขึ้นทั้งแบบไฮไรซ์และโลว์ไรซ์ ซึ่งประเภทไฮไรซ์ราคาปรับขึ้นไปมากที่สุด พบในซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) มีโครงการที่เปิดตัวในปี 56 จำนวน 550 ยูนิตสามารถปิดการขายได้ทั้งหมด ซึ่งเทรนด์ของอุปทานใหม่ที่เข้าสู่ตลาดส่วนใหญ่เป็นโครงการ High End
โดยในช่วงครึ่งปีแรก อุปสงค์ให้การตอบรับดีมียอดขาย 74% ราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมแบบไฮไรซ์บริเวณสุขุมวิท 55 จากปี 56 ถึงช่วงครึ่งปีแรก 60 มีราคาเปิดตัวโครงการใหม่ก้าวกระโดดถึง 159% เนื่องจากมีที่ดินในการพัฒนาจำกัด จึงทำให้มีการพัฒนาเป็นโครงการระดับ High End ที่เปิดขายในปี 2559 อาทิ KHUN by yoo และ The Bangkok ทองหล่อ ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยโครงการใหม่สูงขึ้นถึง 325,000 บาทต่อตารางเมตร เมื่อเทียบกับราคาโครงการที่เปิดในปี 56 ซึ่งมีราคาเฉลี่ยเพียง 125,000 บาทต่อตารางเมตร
สำหรับ ซอยสุขุมวิท 36-38 ปัจจุบันราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมแบบไฮไรซ์เปิดตัวอยู่ที่ 200,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งราคาขายเพิ่มขึ้น 50% ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งใกล้เคียงกับโครงการโลว์ไรซ์ที่ราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 65% จากโครงการใหม่ที่เข้าสู่ตลาด อุปสงค์ให้การตอบรับดีมียอดขาย 80-90% ภาพรวมราคาขายเฉลี่ยทั้งโครงการไฮไรซ์และโลว์ไรซ์มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอีกในอนาคต
ขณะที่ทำเลเอกมัยพบว่า ราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมแบบไฮไรซ์ มีแนวโน้มเติบโตในช่วง 5 ปี จากราคาเฉลี่ย 100,000 บาทต่อตารางเมตร มาอยู่ที่ 175,000 บาทต่อตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นถึง 75% ทั้งนี้ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบอุปทานคอนโดมิเนียมแบบไฮไรซ์มากขึ้นเพราะได้รับอานิสงค์จากทองหล่อที่พื้นที่เริ่มหนาแน่น ราคาขยับสูงขึ้นทำให้มีการพัฒนาโครงการในเอกมัยมากขึ้น โดยอุปสงค์ให้การตอบรับกว่า 80% หรือคิดเป็นอัตราดูดซับ 21 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งแรกของปี 60 มีอุปทานในตลาดเพิ่มมากขึ้น รวมจำนวน 701 ยูนิต และอุปสงค์ให้การตอบรับดี โดยมียอดขาย 89% ส่วนครึ่งปีหลังมีการตอบรับดีเช่นกัน เห็นได้จากโครงการ taka HAUS ที่เพิ่งเปิดขายไปเมื่อวันที่ 16-17 กันยายน โดยสามารถทำยอดขายถึง 85%
“ที่ดินทำเลทองหล่อมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 40% ในช่วง 5 ปี จากราคา 1 ล้านบาทต่อตารางวา มาอยู่ที่ 1.5 ล้านบาทต่อตารางวา เช่นเดียวกับราคาที่ดินในทำเลเอกมัยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 33.3% จากราคา 750,000 บาทต่อตารางวา มาอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อตารางวา ส่งผลให้ปัจจุบันทำเลศักยภาพย่านทองหล่อและเอกมัยเหลือพื้นที่เปล่าให้พัฒนาไม่มากนักส่วนใหญ่ถูกพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน คอมมูนิตี้มอลล์และร้านค้าต่างๆ และหากพิจาณาในส่วนของที่อยู่อาศัย พบว่าช่วง 3 ปีข้างหน้า (61-63) ทำเลทองหล่อ-เอกมัย จะมีโครงการสร้างเสร็จไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ (3,500 ยูนิต) ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่นิยมและมีผู้อยู่อาศัยค่อนข้างหนาแน่นและเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะ ชาวญี่ปุ่น สิงค์โปร์ และฮ่องกง"นายอนุกูล กล่าว
นายอนุกูล กล่าวว่า โครงการใหม่พบว่ามีการพัฒนารูปแบบ 2 ห้องนอนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 59 ถึงครึ่งปีแรกของ 60 สัดส่วนห้องขนาดใหญ่ตั้งแต่ 2 ห้องนอนขึ้นไปมีสัดส่วนประมาณ 50% ของห้องทุกรูปแบบ จากเดิมที่รูปแบบ 1 ห้องนอนเป็นกลุ่มหลักของตลาด สะท้อนให้ว่าในพื้นที่นี้มีดีมานด์ที่เป็นชาวต่างชาติเข้ามารองรับอุปทานห้องขนาดใหญ่ได้ดี โดยทำเลทองหล่อมีผู้เช่าชาวต่างชาติถึง 87% และเอกมัย 66%