น.ส.จริยา สุทธิไชยา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) ระหว่างวันที่ 28-29 ก.ย.นี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะมีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 39 ที่มีสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ กับรัฐมนตรีประเทศบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) (AMAF +3) ครั้งที่ 17 โดยมี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน
การประชุมครั้งนี้จะมีการพิจารณาและให้ความเห็นชอบต่อการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่จะดำเนินการในปี 2561 ด้านภาคเกษตร ประกอบด้วย 1.การกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร 2.การพิจารณาให้ข้อเสนอแนะและให้ความเห็นชอบต่อยุทธศาสตร์ความร่วมมืออาเซียน+3 ด้านอาหาร เกษตร และป่าไม้ 3.การพิจารณาแผนงานขององค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม หรือ APTERR ได้แก่ การผลักดันให้ประเทศสมาชิกร่วมดำเนินงานโดยการทำสัญญาซื้อขายข้าวล่วงหน้า และแผนบริหารการเงินของสำนักเลขานุการฯ ระยะ 5 ปี (2561-2565) และ 4.การผลักดันและติดตามการดำเนินการตามนโยบายประมงร่วมประชาคมอาเซียน
สำหรับการแก้ไขแผนบริหารการเงินของสำนักเลขานุการฯ สำหรับปี 2561-2565 ได้ดำเนินการตามมติคณะมนตรี APTERR ที่เห็นชอบให้มีการเพิ่มการบริจาคเงินทุนสำหรับการดำเนินการ โดยในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะมีวงเงินรวมเท่าเดิม ซึ่งการดำเนินงานของ APTERR จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศสมาชิกในการมีระบบสำรองข้าวไว้ในยามฉุกเฉิน เพื่อบรรเทาภาวะขาดแคลนอาหารกรณีเกิดภัยพิบัติ หรือความยากจนในประเทศสมาชิกอาเซียน+3 รวมถึงให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหารในระยะยาวต่อไป
ที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับความช่วยเหลือกรณีเหตุการณ์มหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 โดยประเทศญี่ปุ่นได้บริจาคข้าวผ่าน APTERR เป็นจำนวน 50,000 เหรียญสหรัฐฯ เพื่อซื้อข้าวของประเทศไทยจำนวน 50 ตัน และข้าวบรรจุกระป๋องจำนวน 31,000 กระป๋อง และในคราวเกิดพายุไห่เยี่ยนที่ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศไทยได้ร่วมบริจาคข้าวให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแก่ฟิลิปปินส์ จำนวน 5,000 ตัน นับเป็นการส่งเสริมบทบาทของการประสานให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมร่วมกัน