นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% ว่า กระทรวงการคลังเคารพการตัดสินใจของทุกฝ่าย ซึ่งหน้าที่ในการกำกับดูแลนโยบายการเงินของ ธปท.ก็มีความเป็นอิสระอยู่แล้ว ทั้งนี้ จากการที่ กนง.ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ก็ยังมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ถึง 3.8% เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจขณะนี้ยังไปได้ดี โดยกระทรวงการคลัง จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 60 อีกครั้งในเดือนหน้า (ต.ค.) และมองว่าช่วงไตรมาส 3 เศรษฐกิจน่าจะขยายตัวได้ดีกว่า 2 ไตรมาสแรกของปี จึงทำให้ทั้งปีมีโอกาสสูงมากที่จะเศรษฐกิจจะโตได้ถึง 3.8%
ส่วนสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าในช่วงที่ผ่านมานั้น เชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ติดตามดูแลอยู่ และที่ผ่านมา กนง. ได้มีการพิจารณาประเด็นต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยในส่วนของกระทรวงการคลังไม่ได้มีความเป็นห่วงแต่อย่างใด เพียงแต่ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่สะท้อนมุมมองของภาคต่างๆ ที่ได้แสดงความกังวลเข้ามาเท่านั้น
สำหรับความเห็นของ กนง.ที่ระบุว่าเงินบาทไม่ได้แข็งค่าไปกว่าประเทศคู่แข่งนั้น ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า เป็นมุมมองของ กนง.ที่ต้องมองในภาพรวมของเศรษฐกิจ และที่ผ่านมาทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังได้มีมุมมองต่อตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่ค่อนข้างตรงกัน เพียงแต่ กนง.อาจมองภาพในระยะสั้นก่อน และจะมีการปรับมุมมองทุก 6 สัปดาห์เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น
นายกฤษฎา ยังกล่าวถึงการลงทุนภาครัฐที่ชะลอตัวลงว่า อาจเป็นได้ในบางช่วง แต่ทั้งนี้เชื่อว่าจะส่งผลดีในช่วงถัดไป เนื่องจากงบลงทุนในปีงบประมาณ 60 ได้เบิกจ่ายไปแล้ว 70.7% และมีการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว 85.1% ซึ่งในส่วนนี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ส่วนภาพรวมการใช้จ่ายของภาครัฐปีงบประมาณ 60 ล่าสุด ณ วันที่ 22 ก.ย.60 พบว่าเบิกจ่ายไปแล้ว 93.3% และคาดว่าถึงสิ้นปีงบประมาณจะทำได้ตามเป้าหมาย ขณะที่มีการทำสัญญาผูกพันโครงการไปแล้ว 96.7% สำหรับงบกลางปี 1.9 แสนล้านบาทนั้น สามารถเบิกจ่ายได้แล้ว 49.8% และน่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เข้ามาช่วยเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ของปีนี้ได้