นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (เดือนตุลาคม 2559 - เดือนสิงหาคม 2560) ว่ารัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้นจำนวน 2,088,231 ล้านบาท เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยรายได้นำส่งคลังต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วจำนวน 59,084 ล้านบาท (คิดเป็น 2.8%) ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากรายได้พิเศษจากการประมูลคลื่นความถี่ 3G 4G และเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาต TV Digital ในปีก่อน ทั้งนี้ หากไม่รวมรายได้พิเศษดังกล่าว รายได้นำส่งคลังปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน จำนวน 77,677 ล้านบาท หรือ 3.9%
ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้นจำนวน 2,679,296 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วจำนวน 87,777 ล้านบาท (คิดเป็น 3.4%) ประกอบด้วย รายจ่ายปีปัจจุบันจำนวน 2,487,343 ล้านบาท คิดเป็น 85.1% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย (2,923,000 ล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.7% และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อนจำนวน 191,953 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 10.9%
รายจ่ายปีปัจจุบันจำนวน 2,487,343 ล้านบาท ประกอบด้วยรายจ่ายประจำจำนวน 2,156,577 ล้านบาท (คิดเป็น 92.2% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลงจำนวน 2,339,558 ล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.7% และรายจ่ายลงทุนจำนวน 330,766 ล้านบาท (คิดเป็น 56.7% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลงจำนวน 583,442 ล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.2%
สำหรับดุลการคลังรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ขาดดุลจำนวน 588,589 ล้านบาท โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณจำนวน 591,065 ล้านบาท ในขณะที่เงินนอกงบประมาณเกินดุลจำนวน 2,476 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้บริหารเงินสดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงินโดยการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลจำนวน 462,681 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสด (หลังการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล) ขาดดุลเท่ากับจำนวน 125,908 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 315,392 ล้านบาท
"เงินคงคลังในปัจจุบันที่มีจำนวนกว่า 3 แสนล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ประมาณ 12,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงฐานะการคลังที่เข้มแข็งและพอเพียงสำหรับการดำเนินนโยบายการคลัง เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงต่อไป"นายกฤษฎา กล่าว