นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ต.ค.59 – ส.ค.60) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 2,132,067 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 1,961 ล้านบาท มีสาเหตุจากการจัดเก็บรายได้ของส่วนราชการอื่น การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตสูงกว่าประมาณการตามลำดับ โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีน้ำมัน ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเบียร์
"จากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวและขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ประกอบกับการติดตามผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 เป็นไปตามประมาณการ ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงเชื่อมั่นว่าตลอดทั้งปีงบประมาณ 2560 รัฐบาลจะสามารถจัดเก็บรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย" ผู้อำนวยการ สศค.ระบุ
สำหรับรายละเอียดการจัดเก็บรายได้ในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ต.ค.59 – ส.ค.60) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 2,132,067 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1,961 ล้านบาท หรือ 0.1% (ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 2.2%) โดยเป็นการจัดเก็บรายได้ของส่วนราชการอื่น การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตสูงกว่าประมาณการ อย่างไรก็ดี ผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากในช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้พิเศษ เช่น การประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการโทรคมนาคม (3G และ 4G) การชำระภาษีการพนันของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น ซึ่งหากไม่รวมรายได้พิเศษดังกล่าว การจัดเก็บรายได้ในปีนี้ขยายตัว 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยผลการจัดเก็บรายได้แยกตามหน่วยงานจัดเก็บ สรุปได้ดังนี้
1.กรมสรรพากร จัดเก็บรายได้รวม 1,589,191 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 67,774 ล้านบาท หรือ 4.1% แต่ยังสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนจำนวน 33,139 ล้านบาท หรือ 2.1% โดยภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่
- ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ 678,783 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 41,400 ล้านบาท หรือ 5.7% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 3.6%
- ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจัดเก็บได้ 39,097 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 24,903 ล้านบาท หรือ 38.9% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 15.6% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยของปี 2559 ต่ำกว่าข้อสมมติฐานที่ใช้ในการทำประมาณการ ทำให้กำไรสุทธิที่ต้องเสียภาษีลดลง
อย่างไรก็ดี ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 11,401 ล้านบาท หรือ 2.3% โดยสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 4.2% เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีจากกำไรสุทธิ (ภ.ง.ด. 50) และภาษีจากค่าบริการและจำหน่ายกำไร (ภ.ง.ด. 54) ที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ
2. กรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้รวม 516,846 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 12,547 ล้านบาท หรือ 2.5% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 8.9% โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย ได้แก่ ภาษีน้ำมันจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 20,789 ล้านบาท หรือ 11.7% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 23.5% เนื่องจากการจัดเก็บภาษีน้ำมันเบนซินที่สูงกว่าประมาณการ การปรับเพิ่มอัตราภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น และการจัดเก็บภาษีน้ำมันหล่อลื่น นอกจากนี้ ภาษีเบียร์จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 5,023 ล้านบาท หรือ 6.4% โดยสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 5.0%
3. กรมศุลกากร จัดเก็บรายได้รวม 96,549 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 13,551 ล้านบาท หรือ 12.3% หรือต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 6.6% โดยเป็นผลจากการจัดเก็บอากรขาเข้าต่ำกว่าเป้าหมายจำนวน 14,597 ล้านบาท หรือ 13.5% หรือต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 7.5% เนื่องจากมูลค่าต้องอากรลดลง สอดคล้องกับการใช้สิทธิพิเศษภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีที่ขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภาษีศุลกากรระยะที่ 2 สูงกว่าที่ประมาณการไว้
4. รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 145,451 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 22,301 ล้านบาท หรือ 18.1% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 19.9% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนำส่งรายได้ที่ค้างนำส่งจากปีก่อนหน้า ประกอบกับรัฐวิสาหกิจบางแห่งมีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้สูงกว่าประมาณการ 5 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล การไฟฟ้านครหลวง โรงงานยาสูบ และบริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)
5. หน่วยงานอื่น จัดเก็บรายได้รวม 156,011 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 29,907 ล้านบาท หรือ 23.7% แต่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 44.5% สาเหตุสำคัญมาจากการรับรู้ส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตร (Premium) เป็นรายได้แผ่นดิน และการนำส่งเงินสภาพคล่องส่วนเกินของกองทุนหมุนเวียน
กรมธนารักษ์จัดเก็บรายได้รวม 8,724 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 2,886 ล้านบาท หรือ 49.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 34.8% โดยเป็นผลมาจากรายได้จากที่ราชพัสดุสูงกว่าประมาณการ 2,211 ล้านบาท หรือ 492.5% สาเหตุมาจากการปรับปรุงค่าเช่าสนามบินของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และการเปิดประมูลให้ใช้ที่ในท่าเรือภูเก็ต นอกจากนี้ รายได้จากการจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 458 ล้านบาท หรือ 54.5%
6. การคืนภาษีของกรมสรรพากร จำนวน 261,389 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 15,800 ล้านบาท หรือ 5.7% ประกอบด้วยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 187,231 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 37,669 ล้านบาท หรือ 16.7% และการคืนภาษีอื่น ๆ (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์) จำนวน 74,158 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 21,869 ล้านบาท หรือ 41.8%
7. อากรถอนคืนกรมศุลกากร จำนวน 9,036 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 114 ล้านบาท หรือ 1.2%
8. การจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน 13,912 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 1,916 ล้านบาท หรือ 12.1%
9. เงินกันชดเชยภาษีสำหรับสินค้าส่งออก จำนวน 15,492 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 943 ล้านบาท หรือ 5.7%
10. การจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ. กำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ จำนวน 8 งวด เป็นเงิน 72,152 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 242 ล้านบาท หรือ 0.3%
ส่วนผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเฉพาะในเดือนสิงหาคม 2560 พบว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 219,028 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 5,104 ล้านบาท หรือ 2.3% แต่สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5.6 เป็นผลจากภาษีเงินได้นิติบุคคลต่ำกว่าประมาณการ 5,499 ล้านบาท หรือ 5.8% ส่วนหนึ่งจากสัดส่วนการยื่นภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งขยายเวลาถึงเดือนกันยายน 2560 ที่เพิ่มมากขึ้น การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจต่ำกว่าประมาณการ 2,589 ล้านบาท หรือ 49.5% และต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน 50.2% ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 1,419 ล้านบาท หรือ 6.4% และต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน 5.4%
อย่างไรก็ดี การจัดเก็บภาษีน้ำมัน สูงกว่าประมาณการ 2,598 ล้านบาท หรือ 16.4% การจัดเก็บภาษีเบียร์ สูงกว่าประมาณการ 1,913 ล้านบาท หรือ 26.2% และการจัดเก็บภาษีสุรา สูงกว่าประมาณการ 906 ล้านบาท หรือ 17.9%