นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเปิดตัวร้านค้าธงฟ้าประชารัฐเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ว่า จากที่รัฐบาลได้มีโครงการประชารัฐสวัสดิการ เพื่อให้ความช่วยเหลือกับผู้มีรายได้น้อยผ่าน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" โดยกำหนดผู้ได้รับสิทธิ 11.67 ล้านคน ช่วยลดค่าใช้จ่ายครัวเรือนและการเดินทาง ซึ่งผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะมีวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อใช้ชำระค่าสินค้าและบริการผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานหรือร้านค้าที่กำหนด แต่ไม่สามารถถอนวงเงินสวัสดิการจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นเงินสดได้
โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการลดค่าครองชีพของประชาชน โดยร่วมมือกับกรมการค้าภายใน, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กรมบัญชีกลาง, สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และภาคเอกชน ภายใต้โครงการธงฟ้าประชารัฐ จัดจำหน่ายสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพราคาลดพิเศษต่ำกว่าราคาปกติ 15-20% ในร้านค้าปลีกแบบถาวร เพื่อลดภาระค่าครองชีพ และเพิ่มทางเลือกให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มรายได้การจำหน่ายสินค้าให้แกร้านค้าปลีก
ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ให้ผู้บริโภคสามารถใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐเคลื่อนที่ได้อย่างทั่วถึง 2. เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าธงฟ้าประชารัฐ และอำนวยความสะดวกในการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ และ 3. เพื่อประชาสัมพันธ์สิทธิของการใช้บริการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในรูปแบบของการซื้อสินค้า ผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐเคลื่อนที่ให้เป็นที่รับทราบของประชาชนทั่วไป
สำหรับผู้ผลิตเข้าร่วมโครงการ 24 ราย ได้แก่ สหพัฒนพิบูล , P&G , เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ , ยูนีลีเวอร์ไทย, ไทยฟู้ดแคนนิ่ง , ทวีชัย ฟู้ด , พูนสินทั่งง่วน ฮะ , โรงงานผลิตอาหารไทย , เจียเม้งมาร์เก็ตติ่ง , สหกรณ์การเกษตรพิมาย , องค์การคลังสินค้า , ทิปโก้ , กรีนสปอต , น้ำมันพืชปทุม , ไร่ธัญญะ , ฟรีสแวนด์คัมพิน่า , สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการ และ สวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา , ไทยเซ็นทรัลเคมี , มหาวงศ์การเกษตร , เจียไต๋ , โรจน์กสิกิจเฟอร์ติไลเซอร์ ,เอกยวงศ์ , ไอ ซี พี เฟอทิไลเซอร์ และ ไอซี พี อินเตอร์เนชั่นแนล
โดยกลุ่มสินค้าของร้านธงฟ้าประชารัฐ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวสาร น้ำมันพืช 2.สินค้าอุปกรณ์การศึกษา เช่น เครื่องแบบนักเรียน อุปกรณ์การเรียน และ 3.สินค้าปัจจัยการผลิตทางการเกษตร เช่น ปุ๋ยเคมี ซึ่งสินค้าที่ร่วมโครงการจำนวน 46 รายการ
รมช.พาณิชย์ ระบุว่า โครงการประชารัฐสวัสดิการ จัดทำโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ถือบัตรสวัสดิการประมาณ 11.43 ล้านคนทั่วประเทศ โดยผู้ถือบัตรสามารถซื้อสินค้าในร้านธงฟ้าประชารัฐที่มีการติดตั้งเครื่องรูดบัตร EDC ได้ตามวงเงินและเงื่อนไขที่กรมบัญชีกลางกำหนดวงเงินรายเดือนเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค สินค้าเพื่อการศึกษา วัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่นๆ ของกระทรวงพาณิชย์ สำหรับผู้ที่มีรายได้ 30,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงินผ่านบัตร 200 บาทต่อเดือน ส่วนผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงินผ่านบัตร 300 บาทต่อเดือน
ส่วนการติดตั้งเครื่องรูดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ EDC นั้น กรมบัญชีกลางได้มอบหมายให้ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอื่นๆ ดำเนินการติดตั้งเครื่อง EDC ในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ โดยประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดให้เร่งดำเนินการจัดหาร้านค้าธงฟ้าประชารัฐให้ได้ตามเป้าหมาย 20,000 แห่ง โดยมีทุกตำบลอย่างน้อยตำบลละ 1 แห่ง ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรองรับผู้ได้รับสิทธิ์ที่ขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อยไว้กับกรมบัญชีกลาง จำนวน 11.43 ล้านคนทั่วประเทศ โดยเฉลี่ยประมาณ 600 คนต่อ 1 ร้าน และได้มีการจัดทำระบบฐานข้อมูลกลางธงฟ้าประชารัฐ เพื่อให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด กรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรอกข้อมูลร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐ
ปัจจุบันมีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐในระบบฐานข้อมูลกลางธงฟ้าประชารัฐ ในกรุงเทพฯ และอีก 76 จังหวัด โดยมีร้านค้าที่มีความประสงค์จะติดตั้งเครื่องรูดบัตร จำนวน 16,175 ร้านค้าใน 924 อำเภอ 6,329 ตำบล ปัจจุบันกรุงเทพฯ มี 50 เขต 169 แขวง และ 76 จังหวัด มี 878 อำเภอ 7,256 ตำบล (ข้อมูล ณ วันที่ 26 ก.ย.60)
สำหรับความคืบหน้าในการติดตั้งเครื่อง EDC นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งรายชื่อร้านค้าที่ประสงค์จะติดตั้งเครื่อง EDC ให้กับกรมบัญชีกลางไปแล้วจำนวน 11,014 ร้านค้า ซึ่งเป็นร้านที่ประสงค์จะติดตั้งเครื่อง EDC และมีข้อมูล TAX ID (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ก.ย.60)
ส่วนธนาคารกรุงไทย ได้ติดตั้งเครื่องรูดบัตรเรียบร้อยแล้ว 1,609 เครื่อง โดยกำหนดจะติดตั้งให้แล้วเสร็จทั้งหมดจำนวน 5,000 กว่าเครื่อง ภายใน 30 กันยายน 2560 นี้ ส่วนกรณีพื้นที่จังหวัดใดที่ยังไม่สามารถติดตั้งเครื่องรูดบัตรได้ จะนำรถ Mobile Unit เข้าไปจำหน่ายสินค้าเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในระยะแรก โดยร้านธงฟ้าประชารัฐเคลื่อนที่ หรือ โมบาย ยูนิต จะมีอย่างน้อยอำเภอละ 1 คัน เพื่อให้สามารถกระจายสินค้าธงฟ้าประชารัฐไปถึงผู้มีรายได้น้อยที่มีบัตรสวัสดิการให้ครอบคลุมมากที่สุด
ในด้านการใช้สิทธิ์ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ผู้มีสิทธิ์สามารถใช้สิทธิ์ตามวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ ผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานหรือร้านค้าที่กำหนด ได้แก่ 1.จุดรับชำระเงินตามร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด 2.จุดรับชำระเงินตามร้านค้าก๊าซที่กระทรวงพลังงานกำหนด 3.เครื่องแตะบัตรชำระเงินบนรถประจำทาง ขสมก./รถไฟฟ้า 4. จุดจำหน่ายบัตรโดยสารรถ บขส. และจุดจำหน่ายบัตรโดยสารรถไฟทุกสถานี (รฟท.)