นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมสมาคมธนาคารไทยครั้งต่อไป จะมีการหารือกับสมาชิกเกี่ยวกับประเด็นที่มีธนาคารพาณิชย์แนะนำให้ลูกค้าปิดบัญชีเพื่อหลีกเลี่ยงเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% จากดอกเบี้ย 20,000 บาท ถึงแนวจริยธรรมในการดำเนินกิจการ ซึ่งเรื่องดังกล่าวหากมีธนาคารพาณิชย์รายใดทำถือว่าเป็นสิ่งที่น่าเกลียด ไม่ถูกต้อง และสถาบันการเงินเกือบทั้งหมดก็เป็นบริษัทมหาชน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นจะต้องดำเนินนโยบายในเรื่องที่ควรทำมากกว่า
"สมาคมฯ ไม่เคยรับทราบเรื่องนี้มาก่อน เพราะคงไม่สามารถไปตรวจสอบได้ว่าธนาคารแต่ละแห่งดำเนินการอย่างไรบ้าง และธนาคารก็ไม่สามารถเอาข้อมูลของตัวเองมาเปิดเผยได้ การรวมกลุ่มสมาคมธนาคารเพื่อให้การดำเนินนโยบายต่างๆ เป็นไปด้วยความราบรื่น แต่คงไม่สามารถไปตรวจสอบกันเองได้"นายปรีดี กล่าว
พร้อมระบุว่า การตรวจสอบคงเป็นหน้าที่ของภาครัฐโดยกรมสรรพากร ถ้าเป็นเรื่องของการหลีกเลี่ยงภาษี และมีการดำเนินการไม่ถูกต้อง ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็มีหน้าที่กำกับดูแลออกเกณฑ์ควบคุมหากเห็นว่าสถาบันการเงินมีการดำเนินงานที่ขัดต่อกฎหมาย
"จากเรื่องที่เกิดขึ้น เชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อการแข่งขันด้านเงินฝากของธนาคาร โดยยังเป็นไปตามปกติ ที่จะเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้กับลูกค้า เพียงแต่จะต้องทำให้ถูกต้อง และคิดให้รอบคอบ" ประธานสมาคมธนาคารไทยระบุ
นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ครั้งต่อไป จะมีการพิจารณาปรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ใหม่ จากเดิมที่คาดว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 3.5% ในปี 2560 เพื่อให้สอดคล้องกับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ปรับการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปีนี้เพิ่มเป็น 3.8% ซึ่งการขยายตัวของสินเชื่อน่าจะเติบโตได้ในระดับที่ใกล้เคียง เพราะเศรษฐกิจในระยะสั้นทิศทางฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งภาคการส่งออกและท่องเที่ยว
นายปรีดี กล่าวว่า ได้ร่วม ธปท., กระทรวงอุตสาหกรรม, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), ธนาคารเพื่อการส่งออกและการนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ในการเปิดตัวโครงการภายใต้มาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้ผู้ประกอบการ SMEs ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะมีการจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้ผู้ประกอบการ ครั้งแรกที่กทม.ในเดือนพ.ย.60 โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมสัมมนาและเข้าข่ายคุณสมบัติ คือ เป็นสมาชิก สสว.และมีรายได้ไม่เกิน 400 ล้านบาทต่อปี ได้สิทธิทดลองซื้อ FX OPTION ภายใต้วงเงิน 3 หมื่นบาทต่อกิจการ ซึ่งสามารถใช้บริการภายใน 30 มิ.ย.61 โดยคาดว่าโครงการนี้สามารถรองรับผู้ประกอบการ SMEs ได้ 17,000 ราย