นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง เปิดเผยหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ส.ค.2560 มีจำนวน 6,274,872.04 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.92% ของ GDP โดยแบ่งเป็น หนี้รัฐบาล 4,861,262.73 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 966,596.76 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 432,369.05 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 14,643.50 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 49,883.29 ล้านบาท
สำหรับหนี้รัฐบาล จำนวน 4,861,262.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 57,718.76 ล้านบาท โดยรายละเอียด การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของหนี้รัฐบาล มีดังนี้
1. การกู้เงินตามแผนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 และพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2560 รวมถึงเพื่อการบริหารหนี้สาธารณะ เพิ่มขึ้น 36,000 ล้านบาท แบ่งเป็น
- เงินกู้ระยะสั้น เพิ่มขึ้น 25,000 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของตั๋วเงินคลัง
- เงินกู้ระยะยาว เพิ่มขึ้น 11,000 ล้านบาท
เนื่องจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณด้วยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อนำไปลงทุนในการพัฒนาประเทศ สร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง และส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมศักยภาพ
2. การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศ จำนวน 1,884 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การกู้ให้กู้ต่อแก่ (1) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 1,049.73 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวจำนวน 555.84 ล้านบาท สายสีน้ำเงินจำนวน 371.88 ล้านบาท สายสีส้มจำนวน 110.47 ล้านบาท และสายสีม่วงจำนวน 11.54 ล้านบาท (2) การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 808.43 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น จำนวน 522.43 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า - แก่งคอย จำนวน 212.23 ล้านบาท และโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต จำนวน 73.77 ล้านบาท และ (3) การเคหะแห่งชาติเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 25.84 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการอาคารพักอาศัยแปลง G ตามแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง
3. การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 1,188.46 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
4. หนี้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นสุทธิ 171.22 ล้านบาท เนื่องจากการเบิกจ่ายและชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ และการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสำคัญ
ส่วนหนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 966,596.76 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 1,061.56 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก
- หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน เพิ่มขึ้น 1,210.96 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการออกและไถ่ถอนพันธบัตร และการชำระคืนต้นเงินกู้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
- หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน ลดลง 2,272.52 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 432,369.05 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 5,902.62 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 14,643.50 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 871.29 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย และการเบิกจ่ายเงินกู้ของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2560 จำนวน 6,274,872.04 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ 5,969,776.07 ล้านบาท หรือ 95.14% และหนี้ต่างประเทศ 305,095.97 ล้านบาท (ประมาณ 9,155.13 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือ 4.86% ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และหนี้สาธารณะคงค้างแบ่งตามอายุคงเหลือ สามารถแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,623,790.54 ล้านบาท หรือ 89.62% และหนี้ระยะสั้น 651,081.50 ล้านบาท หรือ 10.38% ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด