กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมองทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ 33.25-33.55 บาท/ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือนที่ 33.45 บาท/ดอลลาร์ในสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางแรงซื้อดอลลาร์ต่อเนื่องในตลาดโลก ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2 พันล้านบาท แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 4.8 พันล้านบาท
ทิศทางเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น และดัชนีหุ้นสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่สัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าสะท้อนว่ามีโอกาสเกิน 80% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ BAY มองว่า อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ที่แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 16 ปี และการเติบโตเกินคาดของค่าจ้าง สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับสมดุลนโยบายการเงินต่อไป โดยในสัปดาห์นี้ตลาดจะจับตาตัวเลขเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ รวมถึงการเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่ เพื่อประเมินทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะต่อไป ขณะที่ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลียังเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังเช่นกัน
ขณะที่ความเสี่ยงทางการเมืองกลับมากดดันค่าเงินยูโรอีกครั้งจากผลการเลือกตั้งในเยอรมนีซึ่งฝ่ายต่อต้านสหภาพยุโรปได้รับคะแนนเสียงเกินคาด รวมถึงการลงประชามติในแคว้นคาตาโลเนียเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปน ส่งผลให้ตลาดตั้งคำถามเกี่ยวกับเอกภาพของยุโรปในระยะยาว กรุงศรีมองว่าปัจจัยดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เงินยูโรมีการปรับฐาน หลังจากที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงแปดเดือนแรกของปี
ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าการดำเนินนโยบายการเงินของไทยต้องพิจารณาภายใต้มิติสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ เสถียรภาพของราคาที่จะไม่สร้างแรงกดดันเงินเฟ้อให้สูงจนมีผลต่อเศรษฐกิจ การเติบโตของเศรษฐกิจมหภาค รวมถึงเสถียรภาพด้านการเงิน ซึ่งจากล่าสุดกรุงศรีมองว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะทรงตัวไปจนถึงกลางปี 61