พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลและมีความเข้าใจที่ถูกต้องต่อโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งขณะนี้พบว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางที่ไม่ถูกต้อง และเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลที่พยายามจะแก้ปัญหาให้แก่ผู้มีรายได้น้อย
ข้อมูลที่ถูกหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ ประกอบด้วย 3 ประเด็นหลัก คือ 1.การนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปแลกเป็นเงินสด โดยที่ร้านค้าจะหักค่าหัวคิวไว้นั้น กรณีนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ทุจริต และไม่ตรงกับวัตถุประสงค์แท้จริงที่รัฐบาลต้องการให้นำบัตรสวัสดิการฯ ไปใช้ซื้อสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน หรือใช้จ่ายเพื่อการเดินทาง ดังนั้น หากประชาชนพบข้อมูลเบาะแสว่ามีผู้ใดกระทำการทุจริต ขอให้แจ้งมาที่รัฐบาล ซึ่งจะเร่งดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดกับผู้กระทำการทุจริตดังกล่าวต่อไป
ประเด็นที่ 2 การให้วงเงินซื้อสินค้าในบัตรสวัสดิการฯ ที่ 200-300 บาท/คน/เดือน เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่นั้นในความเป็นจริงแล้ว ร้านธงฟ้าประชารัฐที่เข้าร่วมโครงการจะมีสินค้าที่นำมาจำหน่ายกว่า 300 รายการ จากผู้ผลิตที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทรายใหญ่, วิสาหกิจชุมชน ตลอดจนผู้ประกอบการ SMEs ดังนั้น เม็ดเงินที่ให้ผู้มีรายได้น้อยสำหรับใช้ซื้อสินค้าก็จะไปสู่ผู้ผลิตแต่ละรายที่เข้าร่วมโครงการ ไม่ใช่เฉพาะแต่บริษัทผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่หรือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่เจ้าสัวตามที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใด
ประเด็นที่ 3 ผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ได้นั้น ในความเป็นจริงแล้ว หากพิจารณาดูจะพบว่าผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องเข้าเกณฑ์เงื่อนไขที่มีรายได้ไม่เกินปีละ 1 แสนบาท หรือคิดเฉลี่ยแล้วจะมีรายได้ประมาณเดือนละ 8 พันกว่าบาท ซึ่งปกติแล้วผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 1 หมื่นบาทก็มักจะไม่ได้รับการพิจารณาเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์อยู่แล้ว ดังนั้นการไม่ได้รับอนุมัติให้กู้เงินจากธนาคารจึงไม่ใช่สาเหตุจากการเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแต่อย่างใด
"ทั้ง 3 กรณีนี้ถือว่าเป็นการบิดเบือน และสร้างข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงแต่อย่างใด" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุ