นายสุริยา โพธิ์ศิริสุข กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามมิตรมอเตอร์สแมนูแฟคเจอริง (SMM) คาดว่าสถานการณ์การขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทในปีนี้จะถดถอยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว แต่เชื่อว่าในปีหน้าจะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากหลายโครงการของภาครัฐมีการขับเคลื่อนการลงทุน และใส่เม็ดเงินลงไปจำนวนมาก ทำให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจ และเริ่มจะขยายธุรกิจ
ในส่วนของสามมิตรมอเตอร์ ได้เตรียมแผนรับสถานการณ์เศรษฐกิจเติบโตไว้แล้ว โดยแต่ละโรงงานในสายการผลิตของเรา จะมีการเช็คขีดความสามารถของเราว่าเป็นอย่างไร และสอดรับกับเป้าหมายของฝ่ายการตลาด หรือฝ่ายขายที่วางไว้หรือไม่ นอกจากนี้ส่วนตัวยังมองว่าดัชนีที่สำคัญที่สุดที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเศรษฐกิจของไทยดีหรือไม่นั้น คือ ยอดขายรถ 10 ล้อ เพราะจะเป็นการเข้าสู่ภาคของการลงทุน
นอกจากนี้ บริษัทได้เพิ่มการรับประกันผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ทั้งหมดของบริษัทจากเดิม 2 ปี เป็น 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเจ้าเดียวในประเทศไทย โดยการเพิ่มการรับประกันดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของบริษัท คือ "คงทน คุ้มค่า ปลอดภัย" ยกระดับมาตรฐานคุณภาพ และสร้างคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ เน้นการสร้างความพึงพอใจให้กับฐานลูกค้าเดิม และยังเป็นการดึงดูด รวมถึงขยายฐานลูกค้าใหม่ด้วยเช่นกัน
ส่วนแผนการดำเนินงานในอนาคตนั้น สามมิตรมอเตอร์ เตรียมขยายการส่งออกไปยังตลาดอาเซียนให้ครอบคลุม โดยเฉพาะที่ประเทศเวียดนาม ที่มีโอกาสการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในปัจจุบันสามมิตรมอเตอร์มีตัวแทนจำหน่ายที่ สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา รวมถึงมีสำนักงานที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้ บริษัทเตรียมจัดตั้งสำนักงานเพิ่มอีก 1 แห่งที่ประเทศฟิลิปปินส์
"ในอนาคตสามมิตรมอเตอร์จะรุกตลาดอาเซียนมากขึ้น เพราะตอนนี้ตลาดภายในประเทศอยู่ตัวแล้ว โดยสัดส่วนของตลาดล่าสุดแบ่งเป็นตลาดในประเทศ 90% และการส่งออก 10% ซึ่งในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกมากขึ้น ในส่วนของการรับประกัน 3 ปีนั้น จะยังเพิ่มเฉพาะในไทย ยังไม่ครอบคลุมการส่งออก เนื่องจากต้องมีการควบคุม และการพิจารณาของคู่ค้าด้วย" นายสุริยา กล่าว
นายสุริยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า สามมิตรมอเตอร์ มีนโยบายที่จะเน้นการผลิตด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI)มากขึ้น มุ่งสู่การผลิตด้วยหุ่นยนต์อัตโนมัติ ลดสัดส่วนในการใช้แรงงานของบุคลากรในบริษัท ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งในการลดต้นทุนการผลิต โดยปัจจุบันมีจำนวนพนักงาน ทั้งกลุ่มบริษัทรวม 1,900 คน แบ่งเป็นธุรกิจสายการผลิตตัวถังรถเพื่อการพาณิชย์ 600 คน ขณะเดียวกันจะมีการจัดตั้งหน่วยงานที่จะมารองรับกระบวนการผลิตอัตโนมัตินี้ด้วย
ทั้งนี้ ปี 2559 สัดส่วนของรถดัมพ์ ในตลาดรวมอยู่ที่ 9,000 คัน โดยปัจจุบันสามมิตรมอเตอร์ครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 50% หรือประมาณ 4,500 คัน ต่อปี กำลังการผลิตรถพ่วง และรถดัมพ์ทุกประเภทอยู่ 1,200 คันต่อเดือน และรถกึ่งพ่วง มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 200 คันต่อเดือน ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัท เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา มีรายได้ 3,300 ล้านบาท และคาดว่า ยอดขายจะเพิ่มขึ้น 5% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 30% เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังการซื้อขายอยู่ในภาวะที่ทรงตัว และยังอยู่ในช่วงของฤดูฝนด้วย
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีศูนย์ให้บริการ (ศูนย์ Co-service) มากกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย ศูนย์บริการฮีโน่, อีซูซุ, ฟูโซ่, ยูดี ภายใต้การรับประกัน 3 ปี สามารถตรวจเช็คฟรี 6 ครั้งในช่วงการรับประกัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำการผลิตกระบะรถบรรทุกยอดขายอันดับหนึ่งในประเทศภายใต้แนวคิด "One Stop Logistics Solution Provider"