น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า คณะกรรมการการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ได้อนุมัติให้หน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเช่าหรือจ้างต่อเนื่อง หลังจากสัญญาเดิมได้สิ้นสุดลงในปีงบประมาณ 2560 และได้ดำเนินการจัดหาจนได้ตัวผู้ให้เช่าหรือผู้รับจ้างไว้ล่วงหน้าแล้วก่อนวันที่ 29 กันยายน 2560 แต่ไม่สามารถลงนามในสัญญาเช่าหรือสัญญาจ้างได้ทันภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา เนื่องจากหน่วยงานของรัฐยังไม่ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ.2561 เพื่อให้การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และคล่องตัว จึงได้ยกเว้นให้หน่วยงานของรัฐที่ลงนามหลังจากต้นปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ในกรณีดังกล่าว ให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม หรือวันอื่นที่ถือว่าเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณของหน่วยงานของรัฐ หรือวันที่มีการเช่าหรือการจ้างจริง แล้วแต่กรณี
นอกจากนี้ กรณีที่หน่วยงานของรัฐมีความจำเป็นต้องเช่าหรือจ้างเหมาบริการจากผู้ให้เช่าหรือจ้างผู้ให้บริการรายเดิมต่อเนื่องในปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ซึ่งเกิดประโยชน์แก่ทางราชการ หัวหน้าหน่วยงานของรัฐสามารถพิจารณาจัดเช่าหรือจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจงได้ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ข้อ 78 (ค) ทั้งนี้ การเช่าหรือการจ้างในครั้งนี้จะต้องมีมูลค่าไม่สูงกว่าที่ได้เคยจัดซื้อจัดจ้างไว้แล้ว
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า แม้พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และกฎหมายลำดับรองต่างๆ จะเพิ่งมีผลใช้บังคับในช่วงเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา แต่แนวทางในการปฏิบัติหลายเรื่องยังคงใช้วิธีการทำนองเดียวกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2549 ที่หน่วยงานของรัฐเคยปฏิบัติมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้กรมบัญชีกลางจะเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจกับหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น