นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ยื่นเรื่องของเปิดทบทวนสถานะการค้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยนอกรอบ (OCR) ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐมาตรา 301 พิเศษ ซึ่งสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ประเมินสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้านช่วงปลายเดือน เม.ย.ของทุกปี ซึ่งปัจจุบัน ไทยได้รับการจัดสถานะในระดับ 2 คือ ประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (PWL)
อย่างไรก็ดี สำนักงาน USTR ได้ระบุไว้ในรายงานด้วยว่าสหรัฐพร้อมที่จะทบทวนสถานะของไทยให้ดีขึ้นก่อนถึงรอบการประเมินปกติหากมีความคืบหน้าการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับสำนักงาน USTR ครอบคลุมการดำเนินการ 4 ด้าน ได้แก่ ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า สิทธิบัตรและยา และการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินการจนเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมแล้วในหลายเรื่อง
นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกับสำนักงาน USTR ในโอกาสต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดรมว.พาณิชย์ได้เดินทางเยือนสหรัฐ เพื่อหารือกับรมว.พาณิชย์สหรัฐ และผู้แทนการค้าสหรัฐ โดยได้เน้นย้ำถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนงานร่วมกัน โดยเฉพาะการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานทุกภาคส่วนร่วมกันดำเนินการอย่างเข้มงวดจริงจัง ทำให้ USTR แสดงความพอใจ ภายหลังการหารือดังกล่าว USTR ได้แถลงข่าวเปิดการทบทวนสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยนอกรอบ
ต่อมาสำนักงาน USTR ได้ประกาศเปิดการทบทวนสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยนอกรอบอย่างเป็นทางการ Federal Register เมื่อวันที่ 21 ก.ย.60 โดยเปิดรับฟังความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งภาคเอกชนเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา สามารถยื่นความเห็นเป็นลักษณ์อักษรภายในวันที่ 20 ต.ค.60 และ รัฐบาลไทยสามารถยื่นความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 27 ต.ค.60
ทั้งนี้ สำนักงาน USTR แจ้งอย่างไม่เป็นทางการว่ากระบวนการ OCR จะเสร็จสิ้นและประกาศผลได้ในช่วงเดือน พ.ย.60 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับการประชุมระดับผู้นำภายใต้กรอบคามร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค (APEC) ณ เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ดังนั้น หากสหรัฐปรับสถานะไทยออกจากบัญชี PWL ผู้นำทั้งสองประเทศอาจใช้โอกาสนี้ประกาศร่วมกันในการประชุมดังกล่าว