นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ขอความร่วมมือจากสมาคมธนาคารไทย ให้ธนาคารพาณิชย์ที่เป็นสมาชิก ช่วยติดตั้งเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ในร้านธงฟ้าประชารัฐทั่วประเทศ เพราะขณะนี้ถือว่ามีความล่าช้าเนื่องจากมีเพียงธนาคารกรุงไทย (KTB) แห่งเดียวที่ติดตั้งให้ ขณะเดียวกัน ยังได้รับความร่วมมือจากธนาคารออมสิน ที่จะช่วยติดตั้งด้วยเช่นกัน เชื่อว่า น่าจะทำให้การติดตั้งรวดเร็วขึ้น และติดตั้งได้ถึง 18,000 แห่งภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้ จากเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ 20,000 แห่งทั่วประเทศ
"ถ้าติดตั้งได้อย่างน้อย 18,000 ร้านค้าทั่วประเทศ จะสามารถให้บริการผู้ถือบัตรได้อย่างเพียงพอ และครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยล่าสุดขณะนี้ สามารถติดตั้งได้เพียง 6,000 ร้านค้าเท่านั้น จึงยังไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ถือบัตร”
สำหรับสินค้าที่ขายในร้านธงฟ้าประชารัฐนั้น ไม่ได้มีแต่สินค้าของผู้ผลิตรายใหญ่เท่านั้น กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดช่องให้ผู้ผลิตสินค้ารายกลางและเล็กเข้าร่วมด้วย รวมถึงจะเร่งผลักดันสินค้าชุมชน สินค้าโอทอป สินค้าในแต่ละท้องถิ่นให้เข้ามาขายด้วยเช่นกัน เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้ผลิตในท้องถิ่นอีกทางหนึ่ง
ด้านนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข โดยต้องจำหน่ายสินค้าในราคาปกติและไม่ฉวยโอกาสปรับราคาขายสูงเกินจริง รวมถึงต้องขายสินค้าตามโครงการธงฟ้าประชารัฐในราคาต่ำกว่าตลาดด้วย, ขายสินค้าที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ตามที่หน่วยงานของรัฐกำกับดูแลกำหนดไว้, ห้ามรับแลกการใช้สิทธิ์ใช้จ่ายตามบัตรเป็นเงินสดหรือสิ่งตอบแทนอื่นๆ, ห้ามบังคับให้ผู้ถือบัตรต้องซื้อสินค้าเป็นมูลค่าที่ร้านค้ากำหนด หรือเกินกว่าวงเงินที่ผู้ถือบัตรมีสิทธิ และห้ามยึดหรือเก็บบัตรไว้
"หากร้านค้าใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด กรมฯมีสิทธิเพิกถอนการเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ โดยจะมีหนังสือแจ้งให้ทราบการเพิกถอนสิทธิ ซึ่งร้านค้าที่ถูกเพิกถอน ไม่มีสิทธิ์เรียกค่าใช้จ่ายหรือค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น" นายบุณยฤทธิ์ กล่าว