นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดว่า ในปี 61 จะมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 2-3 แสนล้านบาท โดยมาจากการประกาศเลือกตั้งในช่วงปลายปี 61 ที่จะทำให้มีเงินสะพัดในระบบที่เกิดจากการหาเสียงและกิจกรรมอื่นๆ กว่า 3 หมื่นล้านบาท และจากการใช้จ่ายตามโครงการบัตรผู้มีรายได้น้อยที่คาดว่าจะมีเงินหมุนเข้าสู้ระบบปีละ 5 หมื่นล้านบาท โดยจะหมุนอย่างน้อย 2-3 รอบ คิดเป็นเงินราว 7 หมื่น - 1 แสนล้านบาท และเมื่อรวมกับเงินลงทุนในโครงการต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.5-1%
“การกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน จะเป็นผลดีในแง่จิตวิทยาของนักลงทุน สะท้อนจากเม็ดเงินลงทุนที่ดีขึ้น โดยเฉพาะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นไปตอบรับข่าวดังกล่าว ที่ระดับ 1,700 จุด และคาดว่าปัจจัยบวกนี้จะยังส่งผลดีต่อเนื่องกับดัชนีตลาดหุ้นไทย ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีหน้ามีโอกาสปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,900 จุดได้ โดยนักลงทุนต่างประเทศก็ตอบรับกับข่าวดังกล่าวค่อนข้างมาก ทำให้มีการลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน หุ้น เพิ่มขึ้นด้วย" นายธนวรรธน์ กล่าว
ขณะที่การส่งออกในช่วง 9 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) ที่ขยายตัวได้ 9.3% จะเป็นสัญญาณที่ดีที่สะท้อนถึงแนวโน้มการลงทุนที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในภาคเอสเอ็มอีที่คาดว่าจะมีการปรับตัวและเริ่มลงทุนมากขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 61 ก่อนจะมีการลงทุนชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นผลดีต่อการจ้างงานในปีหน้าที่จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.9% จากปีนี้อยู่ที่ 1.1%