นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.22/24 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก เย็นวานนี้ที่ระดับ 33.26 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเลือกประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)คน ใหม่
นอกจากนี้ตลาดยังรอดูผลประชุมสำคัญๆ หลายแห่ง ทั้งธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คณะ กรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
"บาทแข็งค่าหลังดอลลาร์ drop ลงมาจากความกังวลเรื่องการเลือกประธานเฟดคนใหม่ และยังรอดูผลประชุมสำคัญๆ หลายแห่ง" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน คาดวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.15-33.30 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 33.2250 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (30 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.29661% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (30 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.39750%
- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 113.15/17 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 113.62 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1632/1634 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1632 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารอยู่ที่ระดับ 33.2550 บาท/ดอลลาร์
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงรายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ย.60
- กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการกำหนดกรอบเงิน
เฟ้อในปี 2561 ภายในเดือน ธ.ค.นี้ โดยก่อนหน้านี้ทั้ง 2 หน่วยงานได้มีการหารือกันเบื้องต้นในแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
เนื่องจากกระทรวงการคลังได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการกำหนดกรอบเป้าหมายในปี 2561 ของ ธปท.ที่จะคงกรอบเงินเฟ้อไว้เท่าเดิม
ที่ 2.5% บวกลบไม่เกิน 1.5% หรืออยู่ในกรอบ 1-4% ว่าจะทำได้หรือไม่
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics) คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนปี 61 มีแนวโน้มทรงตัวโดย
ขยายตัวได้ 3.2% เนื่องจากปัจจัยหนุนการบริโภคที่ไม่ได้ปรับดีขึ้นจากปีนี้มากนัก ทั้งการส่งออกที่แม้จะขยายตัวดีแต่มูลค่าการส่งออกที่
เพิ่มขึ้นส่วนมากมาจากบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งมีสัดส่วนการจ้างงานน้อย ทำให้การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นยังอยู่ในวงจำกัด อีกทั้ง ราคาสินค้า
เกษตรก็คาดว่าจะทรงตัวในปีหน้า
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการเงิน
ฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน พ.ศ. ... ซึ่งจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นถึงวันที่ 14 พ.ย.60 โดยคาดว่าจะนำ
เสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ จากนั้นจึงจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่ง
ชาติ (สนช.) ต่อไป โดยคาดว่ากฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 61
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Cap) เฉลี่ยปี
ละ 5.5 แสนล้านบาท โดยจะผลักดันและสนับสนุนให้มีบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) และจดทะเบียน
ในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น และการที่ช่วยผลักดันให้มูลค่าการซื้อขาย (วอลลุ่ม) สามารถขึ้นไปแตะระดับ 1 แสนล้านบาท/วัน จาก
ปัจจุบันที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท/วัน
- นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในปีหน้านี้จะครบ
รอบ 24 ปีดัชนีตลาดหุ้นทำสถิติใหม่ (นิวไฮ) ที่ระดับ 1,753 จุด ทั้งนี้ ขอย้ำว่าดัชนีหุ้นปัจจุบันที่ระดับ 1,700 จุด เป็นระดับที่แข็ง
แกร่ง ไม่ใช่เป็นภาวะหุ้นร้อนแรง เนื่องจากสภาพตลาดหุ้น ปี 2560 ต่างกับสภาพตลาดหุ้น ปี 2537 ทั้งในแง่จำนวนบริษัทจดทะเบียน
ที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีประมาณ 700 กว่าหลักทรัพย์ จากปี 2537 มีอยู่ประมาณ 300 หลักทรัพย์ มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
(มาร์เก็ตแคป) ปัจจุบันที่ 17 ล้านล้านบาท ขนาดใหญ่ขึ้น 5 เท่าจากปี 2537 มาร์เก็ตแคป มีประมาณ 3 ล้านล้านบาท
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลัง
มีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
คนใหม่ โดยนายพาวเวลเป็นเจ้าหน้าที่เฟดสายพิราบ ซึ่งสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินของนางเจเน็ต เยลเลน
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ
สกุลเงินหลักๆ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย.นี้
- นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของ
ธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมครั้งนี้
- นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ที่ 3 พ.ย.
ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 300,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขรายได้ต่อ
ชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็น
รายปี หรือเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ราคาบ้านเดือนส.ค.โดยเอสแอนด์พี/เคส-ชิ
ลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จาก Conference Board, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้
จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ
(ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการ
ฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค. จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--