นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้หารือกับนายคีริลล์ บาร์สกี เอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย โดยยืนยันพร้อมจับมือไทยผลักดันให้มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศขยายตัวเป็น 5 เท่า (10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ภายในปี 2563 ตามที่ผู้นำของทั้งสองประเทศได้ตกลงร่วมกันไว้
"ในปี 2560 การค้าระหว่างสองประเทศในปีที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.60) ขยายตัวกว่าร้อยละ 70 มีมูลค่าถึง 1,380 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยนำเข้าน้ำมัน ปุ๋ย และเหล็กจากรัสเซีย ขณะที่ไทยส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และอัญมณีไปรัสเซีย นักท่องเที่ยวรัสเซียเยือนไทยในรอบปีที่ผ่านมามากกว่า 1 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยก็สนใจไปเยือนรัสเซียเพิ่มขึ้น" นางอภิรดี กล่าว
ด้านเอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของนักธุรกิจรัสเซีย โดยรัสเซียยินดีที่จะขยายการลงทุนในไทย ซึ่งขณะนี้มีความสนใจร่วมลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) และมีแผนจะจัดทัพนักธุรกิจมาเยือนไทย นำโดยนายอเล็กเซย์ กรูซเดียฟ รมช.พัฒนาเศรษฐกิจรัสเซีย ซึ่งจะเข้าพบหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เกี่ยวกับโอกาสการลงทุนใน EEC และการจับคู่ธุรกิจ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-สหพันธรัฐรัสเซีย (Sub-Commission on Trade and Economic Cooperation) ครั้งที่ 3 โดยกระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงจัดตั้งคณะทำงานความร่วมมือระหว่างโครงการ EEC ของไทยกับโครงการพัฒนาของฝ่ายรัสเซีย โดยครอบคลุมความร่วมมือการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ อาทิ เทคโนโลยีชั้นสูง เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีสื่อสาร และภาคเกษตร
ในการหารือครั้งนี้ เอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย แจ้งว่า ฝ่ายรัสเซียยังสนใจในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบัง และโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) ของไทยด้วย
นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 นายทิกราน ซาร์กสยาน ประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเชีย (Eurasian Economic Commission) จะเดินทางมาเยือนไทย เพื่อจะลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างไทยและคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเชีย ซึ่งเป็นก้าวแรกไปสู่การจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยและสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union: EAEU) เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและประเทศสมาชิก EAEU 5 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย คาซัคสถาน เบลารุส อาร์เมเนีย และคีร์กีซสถาน โดยฝ่ายรัสเซียพร้อมสนับสนุนให้ประเทศสมาชิก EAEU เร่งพิจารณาเริ่มกระบวนการศึกษาผลดีผลเสียและความเป็นไปได้ในการเจรจาร่วมกับไทยโดยเร็ว
ในปี 2559 รัสเซียเป็นคู่ค้าอันดับ 32 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States: CIS) มีมูลค่าการค้ารวม 1,964 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีก่อนหน้าร้อยละ 16.63 ในช่วงระหว่างเดือน ม.ค.-มิ.ย.60 การค้าระหว่างสองฝ่ายมีมูลค่า 1,380.22 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.43 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออกสินค้าสำคัญ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ และผลไม้กระป๋องและแปรรูป เป็นต้น โดยในปี 2560 โดยส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นประมาณ 160 ล้านบาท หรือร้อยละ 49 และยางพาราเพิ่มขึ้น 200 ล้านบาท หรือร้อยละ 63 ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าสำคัญ เช่น น้ำมันดิบ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และถ่านหิน เป็นต้น