นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานเสวนา “Connecting Asia : Now Opputunity for Pramatic Cooperation Between Thailand and China" หัวข้อ “Toward Greater Economic Cooperation between China and Thailand under Belt and Road Initiative" ว่า ภูมิภาคอาเซียนถือเป็นภูมิภาคที่นักลงทุนชาวจีนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนอย่างมากมายมหาศาล ซึ่งมองว่าเป็นภูมิภาคที่นักลงทุนชาวจีนได้ประโยชน์จากการลงทุนมากที่สุด เพราะเป็นภูมิภาคที่สามารถเชื่อมโยงไปได้ในภูมิภาคอื่นๆใกล้เคียงอาเซียน เช่น ภูมิภาคอินโดไชน่า ประเทศบังคลาเทศ ภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นต้น
โดยภูมิภาคอาเซียนเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหญ่ และมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสูงเฉลี่ย 6-7% ซึ่งเป็นโอกาสของนักลงทุนชาวจีนที่จะเข้ามาลงทุนในการผลิตสินค้าและใช้เป็นศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งมองว่าประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศที่นักลงทุนชาวจีนได้ให้ความสนใจเข้ามาลงทุน จากการลงทุนระบบโครงงสร้างพื้นฐานต่างๆในช่วงที่ผ่านมา และการลงทุนต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านระบบโลจิสติกส์ เช่น การลงทุนรถไฟความเร็วสูง การพัฒนานะบบขนส่งทางถนน การลงทุนพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา และการลงทุนท่าเรือน้ำลึก
รวมไปถึงการเดินหน้าโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จะเป็นโครงการที่ดึงดูดนักลงทุนชาวจีนเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพื่อร่วมกันพัฒนา ซึ่งทางภาครัฐได้พยายามสนับสนุนให้มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเพื่อให้มีการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อร่วมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งการเกิด EEC จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การพัฒนาเป็นไทยแลนด์ 4.0 ซึ่ง EEC ถือเป็นโปรเจ็คต์ Flagship ของประเทศไทย ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันตั้งใจทำให้สำเร็จก่อนการเลือกตั้งใหม่ โดยในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้านี้จะมีโครงการที่จะเปิดประมูล 4-5 โครงการ อย่างเช่น โครงการลงทุนท่าอากาศยานอู่ตะเภา และโครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะมีนักลงทุนจีนเข้ามาร่วมประมูลในโครงการดังกล่าว
“ประเทศไทยในสายตาของนักลงทุนชาวจีนน่าจะเป็นสปริงบอร์ดของจีนที่สำคัญที่จะเป็นตัวเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน อินโดไชน่า และตะวันออกกลาง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการผลักดันโครงการ EEC ที่ทำให้มีนักลงทุนจีนเกิดความสนใจเข้ามาลงทุน ซึ่งโปรเจ๊ค EEC เป็นโปรเจ๊คที่ภาครัฐตั้งเป้าหมายจะต้องทำให้เสร๊จก่อนสิ้นสุดรัฐบาลชุดปัจจุบัน"นายกอบศักดิ์ กล่าว
นายชาติศิริ โสภณพณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ (BBL) กล่าวว่า กลุ่มนักลงทุนชาวจีนมีแนวโน้มเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ตามนโยบายเส้นทางสายไหม (One Belt One Road) ที่จะเป็นการสร้างประโยชน์อย่างมาก โดยมีกลุ่มนักลงทุนชาวจีนที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ โดยจุดเด่นของประเทศไทยคือการที่มีภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียน
ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยมีการปฏิรูปหลายด้าน เช่น การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และผลักดันระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นโครงการที่สำคัญมาก เพราะ EEC จะเป็นประตูสู่อาเซียน และเอเชีย ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการเงินและการค้าของภูมิภาค ทั้งนี้ ในส่วนของธนาคารได้ให้การสนับสนุนด้านการเงินกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ เช่น โครงการรถไฟฟ้า และหลายโครงการใน EEC เพราะเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของประเทศ และช่วยดึงดูดให้นักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาสนใจประเทศไทยมากขึ้น
โดยเฉพาะในตอนนี้เริ่มเห็นนักลงทุนจีนเข้ามาเป็นพันธมิตรกับไทย เพื่อลงทุนใน EEC ซึ่งเป็นผลดีที่ไทยจะได้รับนวัตกรรมใหม่ๆจากจีนเข้ามาเสริมศักยภาพและขีความสามารถไนการแข่งขันของประเทศ