พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีพลังงานเอเชีย (Asian ministerial Energy Roundtable : AMER) ครั้งที่ 7 หรือ AMER7 ถือเป็นการประชุมที่มีความสำคัญในระดับเอเชีย ในการเป็นพื้นที่หารือร่วมกันระหว่างชาติสมาชิกกว่า 36 ประเทศผู้ซื้อและผู้ขายพลังงาน รวมทั้งผู้นำองค์กรด้านพลังงานระหว่างประเทศกว่า 20 องค์กรที่มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางออกสำหรับสถานการณ์พลังงานโลกในปัจจุบัน เพื่อการสร้างความร่วมมือด้านพลังงานในอนาคต ซึ่งในครั้งนี้ได้จัดขึ้นภายใต้แนวความคิด "Global Energy Market : From Vision to Action" หรือ การเปลี่ยนผ่านตลาดพลังงานโลกจากวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ
"สำหรับประเทศไทย นโยบายพลังงานของเราสอดคล้องไปกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ รวมทั้งข้อตกลงตามกรอบความร่วมมือ อาทิ EAS และ APEC ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน คือ นโยบาย Energy 4.0 ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และโครงการพระราชดำริในการส่งเสริมพลังงานทางเลือก แสดงให้เห็นถึงการประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนพืชเศรษฐกิจที่มีอยู่ และสิ่งเหลือใช้ทางการเกษตรมาเป็นพลังงานที่มีมูลค่าสูง ซึ่งนี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ประเทศไทยได้ค่อยๆ ดำเนินการเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของเราไปสู่การปฏิบัติและได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี" รมว.พลังงาน กล่าว
การประชุม AMER7 นี้จะได้ร่วมกันแสดงทัศนะต่อสถานการณ์พลังงานในประเด็นสำคัญ 3 ด้าน คือ ตลาดน้ำมัน (Oil Market) ซึ่งจะหารือถึงปัจจัยที่จะส่งผลกระทบเกิดขึ้นภายในทวีปเอเชียโดยตรง 2 ประเด็น เช่น การรวมตัวกันอย่างแนบแน่นเพิ่มขึ้นของชาติสมาชิกโอเปกที่คาดว่าจะมีผลต่อราคาน้ำมัน สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิรัก และด้านกฎระเบียบใหม่ของการประกาศใช้น้ำมันคุณภาพสูงในการเดินเรือสมุทรระหว่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมาณการใช้น้ำมัน โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลคุณภาพสูงเพิ่มขึ้น
ด้านตลาดก๊าซธรรมชาติ (Gas Market) จะพูดคุยถึงสถานการณ์เชื้อเพลิงก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LNG ซึ่งปัจจุบันตลาดการซื้อขายของ LNG จะมีลักษณะคล้ายกับตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้น และจะเริ่มพัฒนาไปสู่ตลาดกลางซื้อขาย LNG เกิดดัชนีราคากลางเช่นเดียวกับตลาดน้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาติในเอเชียจำเป็นต้องหารือร่วมกันถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เพื่อนำไปสู่การสร้างความสมดุลและเสถียรภาพของตลาดน้ำมันและตลาดก๊าซธรรมชาติดังกล่าว
ประเด็นสุดท้าย ด้านการเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานสู่ทางเลือกพลังงานทดแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีเปลี่ยนผ่าน (Disruptive Technology) ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้จะเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่การใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ซึ่งภายในการประชุม AMER ครั้งนี้ จะมีการพูดคุยใน 3 เรื่องหลักๆ ได้แก่ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) การขับเคลื่อนเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) และการพัฒนาระบบการจัดเก็บพลังงาน (Energy Storage) ซึ่งคาดว่าจะเป็นประเด็นที่ประเทศไทยจะได้ประโยชน์ เนื่องจากปัจจุบันกระทรวงพลังงานได้ผลักดันนโยบายเรื่องดังกล่าวต่อเนื่อง และประเทศไทยยังถือว่าเป็นประเทศ 1 ใน 5 ของเอเชียที่ได้มีนโยบายพัฒนาที่ชัดเจน