นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ในปี 61 เตรียมลงทุนเพิ่มอีก 8 โครงการ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณราว 1.03 แสนล้านบาท ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าภูมิภาค 4 โครงการใน จ.ภูเก็ต จ.ขอนแก่น จ.นครราชสีมา จ.เชียงใหม่, โครงการทางด่วนมอเตอร์เวย์ 2 โครงการ สายรังสิต-บางปะอิน และสายกรุงเทพฯ-มหาชัย, โครงการปรับปรุงสนามบินขอนแก่น และสนามบินกระบี่, โครงการท่าเรือบกที่ จ.ขอนแก่น
รมว.คมนาคม กล่าวอีกว่า โครงการที่จะดำเนินการต่อเนื่องจนถึงปี 61 จะมีรวมทั้งสิ้น 51 โครงการ แยกเป็น โครงการที่เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะกรรมการ PPP จำนวน 24 โครงการ และอยู่ระหว่างประกวดราคา 27 โครงการ โดยเป็นโครงการต่อเนื่อง 43 โครงการ งบลงทุน 1.27 ล้านล้านบาท ส่วนอีก 8 โครงการใหม่ในปี 61 จะใช้งบลงทุน 1.03 แสนล้านบาท
สำหรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าภูมิภาคนั้น จะเริ่มในหัวเมืองหลักที่มีประชากรหนาแน่นและมีบทบาททางเศรษฐกิจ ซึ่งต่อจาก 4 โครงการแรก ในอนาคตจะมีการลงทุนเพิ่มเติมที่ จ.อุดรธานี และ จ.พิษณุโลก
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานของกระทรวงคมนาคมมีความคืบหน้า ส่งผลต่อความเชื่อมั่น และการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทั้งนี้ได้กำชับให้กระทรวงฯ จัดลำดับความสำคัญของโครงการลงทุน โดยเน้นโครงการที่สนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งโครงการระบบขนส่งทางรางนั้นจะร่าง TOR ให้เสร็จภายในปี 60 ส่วนโครงการสนามบิน ท่าเรือ จะร่าง TOR ให้เสร็จภายในไตรมาสแรกปี 61
สำหรับการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 9 เส้นทางมีความคืบหน้าไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ ขณะที่การตั้งศูนย์ซ่อมอากาศยานนั้น ทางแอร์บัสกับ บมจ.การบินไทย (THAI) จะลงนามร่วมกันในอีกไม่กี่สัปดาห์
นายสมคิด ยังกล่าวด้วยว่า ได้มอบหมายให้ 3 หน่วยงานด้านการบินไปหารือเรื่องการจัดสรรที่จะเป็นผู้บริหารสนามบินภูมิภาคให้ได้ข้อยุติภายในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งเบื้องต้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) หรือ AOT ได้เสนอขอบริหารสนามบินอย่างน้อย 15 แห่ง จากที่กรมท่าอากาศยานดูแลอยู่ 29 แห่ง