BAY คาด GDP ปี 61 โต 3.7-3.8% จากปีนี้โต 3.8% มองยังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นศก.ปลายปี

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 3, 2017 10:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้บริหารสายงานวิจัยเศรษฐกิจและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับเพิ่มประมาณการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 60 เป็นครั้งที่ 3 มาอยู่ที่เติบโต 3.8% จากเดิม 3.3% และ 3.6% ตามลำดับ เนื่องจากภาคการส่งออกของไทยขยายตัวสูงกว่าคาด

โดยตัวเลขการส่งออกในช่วงเดือนล่าสุด (เดือน ก.ย.60) ได้เติบในระดับตัวเลขสองหลักมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เศรษฐกิจโลกได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลมาถึงกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกที่เริ่มกลับมาดีขึ้น เช่น การใช้กำลังการผลิตที่เริ่มกลับมาใช้กำลังการผลิตมากขึ้น จากออเดอร์ของลูกค้าต่างๆที่กลับมาสั่งมากขึ้น โดยหากภาคการส่งออกยังดีขึ้นต่อเนื่อง มองว่าจะส่งผลต่อการจ้างงานในภาคการผลิตที่ดีขึ้นกลับมาในปีนี้และปี 61

“เศรษฐกิจไทยที่เราปรับใหม่รอบที่ 3 เป็นเติบโต 3.8% เพราะการส่งออกเดือนล่าสุดที่ออกมาเติบโตได้ตัวเลขสองหลักต่อเนื่อง ซึ่งหนุนการเติบโตของ GDP ไทยเป็นหลัก ซึ่งมองว่าส่งออกปีนี้จะโตได้ 6.5% แต่ก็มีโอกาสเติบโตได้ 8% หรืออาจโตถึง 10% เพราะเศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่อง และอาจทำให้ GDP ไทยปีนี้โตได้ถึง 4%"นายสมประวิณ กล่าว

ขณะเดียวกัน มองว่ามาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นช่วงปลายปีนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ เพราะเป็นการดึงกำลังซื้อในอนาคตเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ให้เติบโตได้เท่านั้น แต่จะเห็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงต้นปีหน้าเกิดขึ้น ซึ่งจะกดดันต่อการขยายตัวเศรษฐกิจในปีหน้า

อีกทั้งปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นการฟื้นตัวในทิศทางที่ดี ทำให้มาตรการทางการคลังที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ แต่สามารถใช้ได้หากเศรษฐกิจกลับมาซบเซา โดยหากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีแล้วมองว่าควรปล่อยให้เศรษฐกิจเป็นไปตามวัฏจักร

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ประเทศไทยยังคงเผชิญอยู่ เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาวที่กดดันอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันไม่สามารถเติบโตได้ในระดับ 7-8% ต่อปีเหมือนกับช่วง 15 ปีก่อน ปัจจุบันภาครัฐเริ่มพยายามแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เพื่อทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ดีในระยะยาว มองว่าเป็นสิ่งที่ดีในการเดินหน้าเรื่องดังกล่าว แต่ขณะนี้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ในระดับ 3-4% ต่อปี เป็นระดับการเติบโตที่สอดคล้องกับสถานการณ์และปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยที่ยังมีอยู่

ส่วนแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 61 ที่ระดับ 3.7-3.8% ภาคการส่งออกจะยังเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญอยู่ คาดว่าในปีหน้าการส่งออกจะเติบโต 4.5% ประกอบกับการใช้กำลังผลิตที่มากขึ้นทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น และรายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้นเช่นกัน อีกทั้งการลงทุนภาครัฐในปี 61 คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนเบิกจ่ายออกมาเป็นจำนวนมากขึ้น หลังจากที่มีการเปิดประมูลและเริ่มเซ็นสัญญาหลายโครงการในปีนี้ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนก็ยังมีการทยอยลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงไตรมาส 2/60 ที่ผ่านมา เริ่มเห็นการลงทุนภาคเอกชนที่กลับมามากขึ้น

ด้านการแต่งตั้งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนใหม่ คือ นายเจอโรม พาวเวลล์ มองว่าจะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายของเฟดที่ต่อเนื่องจากนางเจนเนต เยลเลน ซึ่งคาดว่าจะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯในช่วงเดือนธ.ค.นี้ อีก 1 ครั้ง และปรับขึ้นในปี 61 อีก 3 ครั้ง พร้อมกับการเดินหน้าทยอยลดงบดุล หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆของสหรัฐฯเริ่มกลับมาดีขึ้น ซึ่งมองว่าปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อกระแสเงินทุนที่ไหลกลับไปยังสหรัฐฯ และมีผลต่อค่าเงินบาทในปี 61 จะอ่อนค่าลงเล็กน้อย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ