นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมการบริหารจัดการอุปสงค์และอุปทานมันสำปะหลังด้วยการใช้ตลาดนำการผลิต รวมทั้งแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม การหาตลาดรองรับผลผลิตทั้งภายในและต่างประเทศ ตลอดจนการเสนอให้ดำเนินการในรูปจตุภาคีระดับพื้นที่ ระหว่างพาณิชย์จังหวัด, เกษตรจังหวัด, เกษตรกร และผู้ประกอบการ เพื่อประเมินและประชุมติดตามสถานการณ์ รวมทั้งแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะส่งผลให้ราคามันสำปะหลังมีแนวโน้มสูงขึ้นและมีเสถียรภาพ
สำหรับผลผลิตมันสำปะหลังในปี 2560/61 ประมาณ 28.57 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน 7.69% ราคา ณ วันที่ 6 พ.ย.2560 โดยหัวมันสดเชื้อแป้ง 25% กก. ละ 2 บาท ส่วนมันเส้น ราคา F.O.B. กก. ละ 6.32 บาท และแป้งมัน ราคา F.O.B กก. ละ 12.58 บาท ราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากการคาดการณ์ปริมาณผลผลิตที่น้อยลง ประกอบกับการร่วมมือกันของสมาคมมันสำปะหลังทั้ง 3 สมาคมฯ ประกาศราคาแนะนำส่งออก ส่งผลถึงราคาหัวมันสดให้มีราคาสูงขึ้นด้วย
นางอภิรดี กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินแนวทางและมาตรการบริหารจัดการมันสำปะหลังปี 60/61 ดังนี้
- มาตรการบริหารจัดการมันสำปะหลังปี 60/61 ได้แก่ การสนับสนุนเครื่องสับมันสำปะหลังขนาดเล็กให้วิสาหกิจชุมชน การแปรรูปมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์สู่อุตสาหกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติวงเงินงบประมาณแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักงบประมาณดำเนินการจัดสรรงบประมาณให้กรมการค้าภายใน
- กระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศ กกร. ให้ผู้ประกอบการรับซื้อหรือจำหน่ายมันเส้นผู้ครอบครองมันเส้น แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุมสินค้าหัวมันสำปะหลังสดและมันเส้น และกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขการรับซื้อให้แสดงราคารับซื้อหัวมันสำปะหลังสดตามเปอร์เซนต์เชื้อแป้ง เพื่อกำกับดูแลและจัดระเบียบผู้ค้ามันสำปะหลัง
- การเชื่อมโยงตลาดระหว่างผู้เลี้ยงปศุสัตว์และเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังภายในจังหวัดในรูปแบบ "มหาสารคามโมเดล" ซึ่งมีการเชื่อมโยงแล้วในพื้นที่ 15 จังหวัด ปริมาณ 253,710 ตัน (ณ วันที่ 25 ต.ค.60) อาทิ นครราชสีมา ลำปาง และสระแก้ว
- การจัดทำข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกลุ่มผู้ผลิตมันเส้นกับสมาชิกของสมาคมผู้ผลิตเอทานอลไทย ซึ่งได้มีการประชุมหารือร่วมกันในแนวทางการดำเนินการเมื่อวันที่ 16 ต.ค.60 และจะหารือในรายละเอียดอีกครั้งก่อนทำการเชื่อมโยงผลผลิตต่อไป
ทั้งนี้ มาตรการของกระทรวงพาณิชย์ในแต่ละแหล่งผลิต จะมีพาณิชย์จังหวัดเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รมว.พาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มันสำปะหลังอินทรีย์เป็นที่ต้องการมากในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะสหภาพยุโรป แต่ผลผลิตมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกมันสำปะหลังอินทรีย์ เพื่อเป็นทางเลือกในการปลูกมันสำปะหลังที่สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตและตลาดมีความต้องการสูง พร้อมทั้งส่งเสริมการแปรรูปมันสำปะหลังเพื่อการบริโภค (มันกินได้) เพื่อสร้างช่องการจำหน่ายใหม่ๆให้แก่เกษตรกร นอกเหนือจากการผลิตเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมในรูปแบบเดิม ซึ่งสภาอุตสาหกรรมจังหวัดยินดีที่จะประสานผู้ประกอบการในพื้นที่ที่มีศักยภาพและสนใจนำไปผลิตในเชิงอุตสาหกรรมต่อไป
อนึ่ง ปัจจุบันไทยสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังได้เป็นอันดับ 1 ของโลก โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 (ม.ค. – ก.ย.) ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังได้ถึง 8.09 ล้านตัน สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศมูลค่ากว่า 68,000 ล้านบาท