น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3 ปี 60 ว่า สินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ทรงตัวที่ 3.3% เมื่อเทียบระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการชำระคืนหนี้ของธุรกิจขนาดใหญ่ สอดคล้องกับภาพรวมการระดมทุนของภาคเอกชนผ่านตราสารหนี้ที่ขยายตัวชะลอลง ขณะที่สินเชื่ออุปโภคบริโภคขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกพอร์ตสินเชื่อ ทั้งนี้ หากรวมสินเชื่อและการระดมทุนผ่านตราสารหนี้จะขยายตัวที่ 4.5%
สินเชื่อธุรกิจ (67% ของสินเชื่อรวม) ขยายตัว 2.2% ชะลอลงจาก 2.7% ในไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจ SME โดยในส่วนของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ (ไม่รวมธุรกิจการเงิน) ขยายตัวที่ 4.2% ซึ่งชะลอลงส่วนหนึ่งจากการชำระคืนหนี้ของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ อย่างไรก็ดีมีการใช้สินเชื่อเพิ่มขึ้นในธุรกิจพลังงาน ขนส่ง และบางธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ขณะที่สินเชื่อธุรกิจ SME (ไม่รวมธุรกิจการเงิน) ขยายตัวที่ 2.4% โดยเพิ่มขึ้นจากธุรกิจพลังงาน อสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก
สินเชื่ออุปโภคบริโภค (33% ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.6% เมื่อเทียบระยะเดียวกันปีก่อน จากสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 5.6% ตามทิศทางการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ กอปรกับสินเชื่อรถยนต์เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 7.0% สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ขยายตัวต่อเนื่องและส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานต่ำในปีก่อน นอกจากนี้ สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิตขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.5% และ 3.1% ตามลำดับ
ขณะที่คุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ภาพรวมสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Nonperforming Loan : NPL) ต่อสินเชื่อรวม เริ่มทรงตัวที่ 2.97% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนที่ 2.95% โดยมียอดคงค้าง NPL ที่ 428 พันล้านบาท ขณะที่คุณภาพสินเชื่อของพอร์ตสินเชื่อธุรกิจ SME และสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังด้อยลงต่อเนื่อง ทั้งนี้สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special Mention Loan : SM) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 2.72% อย่างไรก็ดีระบบธนาคารพาณิชย์มีการกันสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อ ทำให้เงินสำรองของระบบธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 584 พันล้านบาท โดยสัดส่วนเงินสำรองที่มีต่อเงินสำรองพึงกันอยู่ที่ 166.2%
ในไตรมาส 3 ปี 2560 ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิ 46.7 พันล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนจากการกันสำรองเพื่อรองรับคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย(Return on Asset : ROA) ลดลงมาอยู่ที่ 1.04% จากไตรมาสก่อนที่ 1.09% ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin : NIM) ค่อนข้างทรงตัวที่ 2.78%
ทั้งนี้ระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง รวมทั้งสิ้น 2,447 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการจัดสรรกำไรและการเพิ่มทุน โดยอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (Common Equity Tier 1 : CET1 ratio) อยู่ในระดับสูงที่ 18.4% และ 15.8% ตามลำดับ
"สินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ทรงตัว โดยสินเชื่อธุรกิจกระจุกตัวในธุรกิจบางประเภท ขณะที่สินเชื่ออุปโภคบริโภคขยายตัวได้ต่อเนื่อง สำหรับคุณภาพสินเชื่อ NPL โดยรวมเริ่มทรงตัว แต่ยังด้อยลงในส่วนของธุรกิจ SME โดยคาดว่าจะสูงสุดในช่วงไตรมาส 4/60 ซึ่งสะท้อนผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่กำไรสุทธิลดลงจากการกันสำรองเพื่อรองรับคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลง อย่างไรก็ดีระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีเสถียรภาพ มีเงินสำรอง เงินกองทุน และ สภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถรองรับการขยายตัวของสินเชื่อในระยะต่อไปได้"