นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนพร้อมผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ จะลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ย.) เพื่อไปชี้แจงและประชาสัมพันธ์มาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 60/61 ให้กับเกษตรกร เช่น โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม, โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีและช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี (จำนำยุ้งฉาง), โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ค้าข้าวเก็บสต็อก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงตลาดข้าวสีระหว่าง ผู้ปลูกข้าวสีในจังหวัด กับผู้ค้าข้าวและผู้ส่งออกข้าว เพื่อเพิ่มปริมาณและขยายตลาดรับซื้อข้าวสี ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ
“จะเน้นทำความเข้าใจกับประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อรับทราบถึงมาตรการที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือ ให้มีการเตรียมความพร้อมก่อนที่ผลผลิตฤดูกาลใหม่จะออกสู่ตลาด และเพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพด้านราคา พร้อมกันนั้น จะรับฟังปัญหาอุปสรรคของเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อเร่งหาทางช่วยเหลือต่อไป"
สำหรับในส่วนของข้าวสีนั้น กระทรวงฯพร้อมช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรในการกระจายผลผลิตทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบัน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีข้าวสีที่มีศักยภาพทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ เช่น ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวหอมนิล ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพของไทยในอนาคต สำหรับราคาข้าวเปลือกหอมมะลิล่าสุดวันที่ 13 พ.ย.60 อยู่ที่ตันละ 10,900-13,600 บาท สูงกว่าปีก่อนหน้า ขณะที่ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 7,700-9,600 บาท และข้าวเปลือกหอมปทุม ตันละ 8,400-9,500 บาท
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงกรณีที่เกษตรกรอำเภอโนนสุวรรณ จังหวัดบุรีรัมย์ เรียกร้องให้รัฐประกันราคามันสำปะหลังสดที่กิโลกรัมละ 2.50 บาท เพราะขณะนี้ขายได้เพียงกก.ละ 1.50 บาท ว่า จากการตรวจสอบพบว่า ราคาล่าสุด ณ วันที่ 13 พ.ย.60 หัวมันสด (คละ) กก.ละ 1.80 - 1.85 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค. กก.ละ 0.20 บาท, หัวมันสดเชื้อแป้ง 25% กก.ละ 2.25บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค. กก.ละ 0.40 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรพอใจ จึงต้องการให้เกษตรกรอย่างเร่งรีบขุดมันออกมาขาย ควรรอให้อายุ 8-9 เดือนก่อน เพราะจะมีเชื้อแป้งอยู่ที่ 25 - 26% ซึ่งจะขายได้ราคาดีกว่าหัวมันอ่อน
อนึ่ง สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ผลผลิตมันสำปะหลังของไทย ปี 60/61 มีประมาณ 28.57 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน 7.69% เพราะเกษตรกรบางพื้นที่ปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ซึ่งปัจจุบันราคาหัวมันสด เชื้อแป้ง 25% เฉลี่ยจากทุกแหล่งผลิตอยู่ที่กก.ละ 1.90 - 2.05 บาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีราคาเพียง กก.ละ 1.75 บาท และคาดว่าราคายังคงมีแนวโน้มที่ดี เพราะเป็นต้นฤดูการเก็บเกี่ยว ผลผลิตยังออกสู่ตลาดน้อย ขณะนี้ออกสู่ตลาดแล้ว 5.41% เท่านั้น และจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.61
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 60/61 อยู่แล้ว 14 โครงการ วงเงิน 551.659 ล้านบาท เช่น การดูแลหนี้สินเดิมด้วยการพักชำระหนี้และลดดอกเบี้ยให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด, การยกระดับมาตรฐานการผลิตและการแปรรูป และสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินให้เกษตรกร นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้เตรียมแผนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมันสำปะหลัง โดยจะผลักดันให้ทำมันเส้นคุณภาพดีและมันเส้นสะอาด, การสร้างโอกาสทางการค้าและพัฒนาผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และยังเตรียมมาตรการดูแลการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาภายในประเทศ