นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมนา THAILAND 2018 โดยมองว่า ปี 2018 ถือเป็นปีแห่งโอกาสของประเทศ เนื่องจากเชื่อมั่นว่าหากทุกภาคส่วนร่วมมือกับรักษาระดับการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปีหน้าให้อยู่ที่ระดับ 4-5% ก็จะเห็นเศรษฐกิจที่สดใสกว่าปีนี้
อย่างไรก็ดี สำหรับการประเมินแนวโน้ม GDP ในปีนี้ หลายหน่วยงานมีความเห็นสอดคล้องกันว่ามีโอกาสที่ GDP ของไทยในปีนี้จะเติบโตได้ 3.8%
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า โอกาสสำหรับประเทศไทยในปีหน้าจะต้องเร่งดำเนินการใน 3 ส่วน คือ 1.การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 2.การเดินหน้าในลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ และ 3.การเตรียมความพร้อมเข้าสู่โลกยุคดิจิทัล
นายสมคิด กล่าวว่า ได้หารือกับทีมเศรษฐกิจว่าในปีหน้าจะต้องเร่งเสริมสร้างสภาพคล่องให้กับประชาชนในระดับฐานราก เพื่อให้เกิดการจ้างงานและมีเม็ดเงินหมุนเวียนสู่ระดับท้องถิ่น โดยมีแนวคิดจะนำเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีงบประมาณ 2 แสนล้านบาท นำมาจ้างงาน ส่งเสริมให้เกิดวิสาหกิจชุมชน และการท่องเที่ยวระดับชุมชน โดยให้ อปท.เป็นหน่วยงานหลักในการเสนอโครงการที่ดีๆ เข้ามา
นอกจากนี้ จะส่งเสริมเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยจะสั่งการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้การสนับสนุนด้วยการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ การส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชชนิดอื่นแทนการปลูกข้าวในพื้นที่ของตนเอง พร้อมทั้งจะนำผลผลิตที่ได้มาจำหน่ายผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ
ขณะเดียวกันในปีหน้า รัฐบาลจะส่งเสริมให้เกิดอีคอมเมิร์ซในชุมชน ซึ่งปัจจุบันการซื้อขายสินค้าผ่านออนไลน์มีเพิ่มมากขึ้น โดยเรื่องนี้จะมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์รับไปดำเนินการ
สำหรับโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานนั้น นายสมคิด กล่าวว่า ปีหน้าทุกโครงการในด้านรถไฟ, สนามบิน และโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จะต้องเริ่มเดินหน้าเปิดประมูล ซึ่งมีงบประมาณในส่วนนี้กว่า 1.5 ล้านล้านบาท นอกจากนั้น ในปีหน้าจะต้องพัฒนาไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว ซึ่งรัฐบาลจะผลักดันทั้งการติดตั้งอินเตอร์เน็ตหมู่บ้านให้ครบทุกหมู่บ้าน รวมไปถึงระดับโรงเรียน วัด และสาธารณสุข เพื่อต้องการให้เข้าถึงการศึกษาด้วย ขณะเดียวกันการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ หรือ E-Payment รวมถึงการสื่อสาร การค้าขาย และระบบโลจิตติกส์ จะส่งเสริมให้มีการใช้ระบบดิจิตัลให้มากขึ้น
นายสมคิด ยังเชื่อมั่นว่าทิศทางการส่งออกของไทยในปีหน้ายังมีแนวโน้มที่ดี และจะเห็นการเข้ามาลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากจีน, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง หรือไต้หวัน สิ่งสำคัญ คือ ทุกคนต้องช่วยกันประคับประคองสถานการณ์บ้านเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อย มีความสามัคคีกัน ซึ่งจะมีส่วนชวยพัฒนาประเทศให้เติบโตมากขึ้น
ส่วนกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจนั้น หากมีการปรับเปลี่ยนเกิดขึ้นจริง นายสมคิด ตอบเพียงสั้นๆ ว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง