นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้ให้นโยบายกับกรมบัญชีกลางไปทบทวนราคากลาง สำหรับเปิดประมูลโครงการภาครัฐใหม่ให้มีประสิทธิภาพ และช่วยให้รัฐประหยัดงบประมาณแผ่นดินมากขึ้น เนื่องจากพบว่าเมื่อภาครัฐใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาทำให้การประมูลต่ำกว่าราคากลางมากถึง 17-18% และช่วยให้ภาครัฐประหยัดงบประมาณมากกว่า 9 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อปีประหยัดงบมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท
"ควรมีการประเมินราคากลางใหม่ให้เหมาะสม โดยคณะกรรมการพิจารณาราคากลางจะต้องไปดูว่าจะปรับอย่างไร ให้วิเคราะห์จากราคาวัตถุดิบ ราคาสินค้าในปัจจุบันกับสถิติการประมูลในอดีตว่าต่ำลงมากน้อยแค่ไหน ตั้งแต่มีการนำวิธีจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ได้ช่วยลดปัญหาทุจริตลงได้จริง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาการฮั้วประมูล เพราะแต่ละรายจะไม่ทราบว่ามีใครเข้ามาประมูลได้" นายอภิศักดิ์ กล่าว
รมว.คลัง กล่าวว่า สำหรับการบังคับใช้ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ฉบับใหม่ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนส.ค.60 พบว่าภาพรวมทุกหน่วยงานปฏิบัติตามระเบียบใหม่ได้ดี แต่ในบางหน่วยงานหากไม่มีความพร้อมกรมบัญชีกลางก็อนุญาตให้ไปใช้กฎหมายเก่าได้ก่อน เพื่อไม่ให้การเบิกใช้งบประมาณเกิดหยุดชะงัก เห็นได้จากภาครวมการเบิกจ่ายงบประมาณเดือนแรกของปีงบ 2561 ก็ทำได้เกินเป้าหมาย โดยเบิกจ่ายได้รวม 413,946 ล้านบาท คิดเป็น 14.27% ของวงเงินงบประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายที่ตั้ง 9.32%
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ติดขัดปัญหาจาก พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ โดยเฉพาะในส่วนของโครงการที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันทางธุรกิจ กระทรวงการคลังได้ให้เวลา 2 เดือนไปพิจารณาระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างที่เหมาะสม เพื่อเสนอมาให้คลังพิจารณา ซึ่งจะครบกำหนดและมีการนัดประชุมในสัปดาห์หน้า โดยมีรัฐวิสาหกิจประมาณ 10 แห่ง เสนอระเบียบเข้ามาให้พิจารณา หากที่ประชุมเห็นว่าไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ฉบับใหม่ ซึ่งเน้นการสร้างความมีประสิทธิภาพและความโปร่งใส ก็จะเห็นชอบให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจใช้ระเบียบเป็นการเฉพาะในบางโครงการได้ทันที