สนช.ผ่านร่าง พ.รบ.ผู้สูงอายุแล้ว รองรับมาตรการให้เงินช่วยเหลือผู้สูงอายุรายได้น้อยกว่า 3.6 ล้านคน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 17, 2017 14:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อเพิ่มเติมแหล่งที่มาของเงินกองทุนผู้สูงอายุ และนำเงินกองทุนผู้สูงอายุไปจัดสรรเป็นเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นการรองรับมาตรการให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อดูแลประชาชนกลุ่มดังกล่าวให้มีรายได้ในการดำรงชีพเพิ่มขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีสรุปสาระสำคัญ และความคืบหน้าของการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. เหตุผลและความจำเป็น

โดยที่ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และรัฐบาลให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยให้ได้รับสวัสดิการที่จำเป็น จึงได้มีมาตรการให้เงินช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่อยู่ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อให้มีรายได้ในการดำรงชีพเพิ่มขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยกำหนดให้กองทุนผู้สูงอายุนำเงินกองทุนมาจ่ายเป็นเงินช่วยเหลือแก่ผู้สูงอายุกลุ่มดังกล่าว และกำหนดให้มีการเพิ่มแหล่งที่มาของเงินกองทุนสำหรับนำมาใช้ตามวัตถุประสงค์นี้ ประกอบด้วย เงินบำรุงกองทุนผู้สูงอายุจากภาษีสรรพสามิตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าสุราและยาสูบ และโครงการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ

2. แหล่งเงินของกองทุนผู้สูงอายุ ประกอบด้วย

2.1 เงินบำรุงกองทุนผู้สูงอายุจากเงินบำรุงกองทุนจากผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิตในอัตราร้อยละ 2 ของภาษีที่เก็บจากสินค้าสุราและยาสูบตามกฎหมายดังกล่าว สูงสุดปีงบประมาณละไม่เกิน 4,000 ล้านบาท (เริ่มดำเนินการเมื่อร่างพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลบังคับใช้)

2.2 โครงการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ ซึ่งกำหนดวันเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป โดยให้ผู้ที่รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอยู่ในปัจจุบันสามารถนำบัตรประจำตัวประชาชน (หรือเอกสารมอบอำนาจ) แจ้งความประสงค์ขอบริจาคเบี้ยยังชีพได้ที่หน่วยงานที่ได้แจ้งลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพไว้ ได้แก่ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล สำนักงานเมืองพัทยา และสำหรับผู้ที่มีทะเบียนบ้านที่ต่างจังหวัดแต่อาศัยในกรุงเทพฯ สามารถแจ้งบริจาคได้ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ถนนนครราชสีมา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ซึ่งหน่วยงานรับแจ้งการบริจาค จะจัดเตรียมแบบฟอร์มการขอบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุสำหรับผู้สูงอายุที่มีความประสงค์บริจาคเบี้ยยังชีพ

ทั้งนี้ ผู้บริจาคจะได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติ และสิทธิในการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 1 เท่าของเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นแล้วไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อน ซึ่งกองทุนผู้สูงอายุจะจัดส่งใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้บริจาคต่อไป ทั้งนี้ ผู้บริจาคเบี้ยยังชีพสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีดังกล่าวได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป

3. ผู้รับเงินช่วยเหลือ

ผู้สูงอายุในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยจากการลงทะเบียนในปี 2560 มีจำนวน 3.6 ล้านคน

4. การจัดสรรเงินช่วยเหลือ

หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดสรรเงินช่วยเหลือจะเป็นไปตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) กำหนด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอ กผส. พิจารณา และกรมบัญชีกลางจะนำเงินช่วยเหลือดังกล่าวเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้สูงอายุในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐต่อไป

ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จะรองรับการดำเนินมาตรการให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ในการดำรงชีพ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้สูงวัย 3.6 ล้านคนทั่วประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ