พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงอำเภอหนองหาน-อำเภอพังโคน, ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงสกลนคร-นครพนม (กม.ที่ 180-213) และทางหลวงหมายเลข 23 ช่วงร้อยเอ็ด-ยโสธร รวมระยะทางก่อสร้าง 124.90 กม. ภายในกรอบวงเงิน 6,808 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้และเงินงบประมาณในอัตราส่วน 50:50
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังกู้เงินจาก ADB ในกรอบวงเงิน 99.4 ล้านดอลลาร์ ระยะเวลาการกู้เงิน 13 ปี รวมระยะเวลาปลอดหนี้ 3 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6MLIBOR+Spread-Rebate ต่อปี (ตามประกาศของ ADB ณ วันที่ 11 ก.ค.60 ส่วนต่างเป็น 0.50% ต่อปี และส่วนลดสำหรับประเทศสมาชิกอีก 0.05% ต่อปี)
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนในการกู้เงินนั้น กระทรวงการคลังจะเบิกเงินกู้จาก ADB คราวเดียวกันทั้งจำนวน โดยจะนำฝากเงินเข้าบัญชีเงินฝากคลังภายใต้ชื่อบัญชีเฉพาะของโครงการฯ เพื่อรองรับการเบิกจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ซึ่งจะทยอยเบิกจ่ายเงินตามความก้าวหน้าของโครงการ และบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยตามความจำเป็นและความเหมาะสมต่อไป
หากในกรณีที่มีข้อพิพาทหรือข้อขัดแย้งระหว่างคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายที่ไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้ ต้องเสนอต่ออนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาท
"การกู้เงินของกระทรวงการคลังจาก ADB ดังกล่าว จะเป็นการกู้เงินทั้งก้อนที่ 99.4 ล้านดอลลาร์ โดยจะมีการนำมาบริหารจัดการเอง และเบิกจ่ายเป็นงวดๆ ไป ซึ่งเราจะแปลงจากสกุลเงินดอลลาร์มาเป็นเงินบาท น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้ดีกว่า" พล.ท.สรรเสริญ ระบุ