นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดจะลงพื้นที่จังหวัดสงขลา ในช่วงระหว่างวันที่ 25-26 พ.ย.นี้ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม. สัญจร)ระหว่างวันที่ 27–28 พ.ย.นี้ ณ จังหวัดปัตตานี และจังหวัดสงขลา เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตลาดต้องชม ตลาดน้ำคลองแห ก่อนร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนระหว่างมาเลเซีย และเดินทางไปยังกลุ่มหัตถกรรมโหนดทิ้ง เพื่อติดตามผลการพัฒนา ส่งเสริม และต่อยอด ภูมิปัญญาชุมชนผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจากใยตาลโตนด
สำหรับการประชุมเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนไทย-มาเลเซียในครั้งนี้ จะเป็นเวทีที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อผลักดันการค้าไทย–มาเลเซีย ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือการค้าบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย ตลอดจนการแก้ไขปัญหาความแออัดบริเวณด่านพรมแดนของทั้งสองประเทศ โดยพร้อมรับทราบข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อร่วมกันลดปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้าตามบริเวณแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ให้ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อไป ในโอกาสเดียวกันนี้คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์มีกำหนดเดินทางไปติดตามความก้าวหน้าของตลาดน้ำคลองแห ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดต้องชมที่กระทรวงพาณิชย์ได้พยายามสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ
นอกจากนั้นแล้วยังมีกำหนดเดินทางไปยังอำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา เพื่อติดตามการดำเนินการการพัฒนา ส่งเสริม และต่อยอด ภูมิปัญญาชุมชนผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจากใยตาลโตนด ณ กลุ่มหัตถกรรมโหนดทิ้ง ซึ่งที่ผ่านมาทางกระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปส่งเสริมการพัฒนาสินค้าต้นแบบให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าและตลาดเป้าหมาย ตลอดจนหาช่องทางในการกระจายสินค้า อาทิ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าแฟชั่นและงานแสดงสินค้าเครื่องหนัง (BIFF&BIL) จนได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ Description: หัวกระดาษข่าวฯ copy“ที่ผ่านมากระทวงพาณิชย์ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้สนับสนุนและผลักดันการดำเนินงานในพื้นที่ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตามแผนงานบูรณาการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ ปีงบประมาณ 2561 โดยเป็นการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งนี้ในส่วนของภาคใต้ ได้แก่ การพัฒนาและส่งเสริมสินค้าและบริการในท้องถิ่น SMEs OTOP การยกระดับการบริหารจัดการปาล์มน้ำมัน และการพัฒนาผู้ประกอบการสู่ตลาดฮาลาล เป็นต้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากดำเนินการโครงการพัฒนาผู้ประกอบการสู่ตลาดฮาลาลตามแผนงานบูรณาการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศแล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังได้ดำเนินการโครงการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นโครงการภายใต้แผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย" นางอภิรดี กล่าวในตอนท้าย
อนึ่ง ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 (ม.ค.–ก.ย.) มูลค่าการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย อยู่ที่ 420,533.89 ล้านบาท ขยายตัว 14.34% แยกเป็นการส่งออก 237,268.44 ล้านบาท ขยายตัว 26.08% โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญ อาทิ ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ และผลิตภัณฑ์ยาง และ การนำเข้า 183,265.45 ล้านบาท ขยายตัว 2.04% โดยมีสินค้านำเข้าที่สำคัญ อาทิ เทปแม่เหล็ก เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ และเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรม โดยไทยเป็นฝ่ายเกินดุล 54,002.99 ล้านบาท ทั้งนี้ การค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย มีจุดผ่านแดนที่สำคัญ อาทิ ด่านสะเดา ด่านปะดังเบซาร์ ด่านบ้านประกอบ จังหวัดสงขลา ด่านสุไหงโกลก ด่านตากใบ จังหวัดนราธิวาส ด่านเบตง จังหวัดยะลา เป็นต้น