นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนต.ค.60 ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน ในด้านอุปสงค์พบว่า การส่งออกสินค้ายังคงขยายตัวได้ดีในระดับสูง ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น ส่วนในด้านอุปทานยังคงได้รับแรงขับเคลื่อนหลักจากนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 26 เดือน
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดี สะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือนตุลาคม 2560 ขยายตัวต่อเนื่องที่ 7.6% ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกขยายตัว 2.1% ต่อเดือน สำหรับปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือนตุลาคม 2560 ขยายตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 นับตั้งแต่ต้นปีโดยขยายตัวสูงถึง 24.3% ต่อปี สำหรับปริมาณนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคในเดือนตุลาคม 2560 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยขยายตัว 6.0% ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลขยายตัว 0.2% ต่อเดือน สำหรับ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ในเดือนตุลาคม 2560 อยู่ที่ระดับ 64.1 เป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีปัจจัยมาจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ทั้งจากการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรและหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนตุลาคม 2560 ขยายตัวต่อเนื่องที่ 4.8% ต่อปี ขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2560 ขยายตัวต่อเนื่องที่ 6.1% ต่อปี จากยอดจำหน่ายรถกระบะขนาด 1 ตัน เป็นสำคัญ ในขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือนตุลาคม 2560 ขยายตัวที่ 3.3% ต่อปี ขณะที่ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศในเดือนตุลาคม 2560 หดตัวเล็กน้อยที่ -0.4% ต่อปี สำหรับดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือนตุลาคม 2560 ขยายตัว 4.2% ต่อปี
ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือนขยายตัวต่อเนื่องที่ 13.1% ทั้งนี้ หมวดสินค้าสำคัญที่สนับสนุนการส่งออก ได้แก่ ยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น สำหรับประเทศคู่ค้าที่ขยายตัวได้ดี เช่น สหภาพยุโรป อาเซียน-9 จีน สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เป็นต้น สำหรับมูลค่าการนำเข้าสินค้าในเดือนตุลาคม 2560 ขยายตัวที่ 13.5% ต่อปี โดยกลุ่มสินค้าที่สนับสนุนการขยายตัวของการนำเข้า เช่น สินค้าเชื้อเพลิง สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าทุน วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกสินค้าที่สูงกว่ามูลค่าการนำเข้าสินค้าส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนตุลาคม 2560 เกินดุลจำนวน 0.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปาน ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยที่ขยายตัวในระดับสูง โดยในเดือนตุลาคม 2560 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีจำนวน 2.72 ล้านคน ขยายตัว 20.9% ต่อปี ซึ่งนับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 26 เดือน นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2558 และเมื่อหักผลทางฤดูกาลออกขยายตัว 1.9% ต่อเดือน โดยนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีจากจีน กัมพูชา เกาหลี และอินเดีย เป็นหลัก สำหรับดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรในเดือนตุลาคม 2560 หดตัว -1.6% ต่อปี เนื่องจากหมวดพืชผลสำคัญหดตัวลง อย่างไรก็ดี หมวดผลผลิตสินค้าในหมวดประมงและหมวดปศุสัตว์ยังคงขยายตัวได้ดี ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) ในเดือนตุลาคม 2560 อยู่ที่ระดับ 85.9 ปรับลดลงเนื่องจากยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ประกอบกับเป็นช่วงฤดูฝนและมีฝนตกในหลายพื้นที่ ซึ่งส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วม
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพภายนอกอยู่ในระดับที่มั่นคง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนตุลาคม 2560 อยู่ที่ 0.9% และ 0.6% ต่อปี สำหรับอัตราการว่างงานในเดือนตุลาคม 2560 อยู่ที่ 1.3% ของกำลังแรงงานรวม ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนกันยายน 2560 อยู่ที่ระดับ 42.3% อยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกิน 60% สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคงและสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2560 อยู่ที่ระดับ 200.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 3.2 เท่า
นายพิสิทธิ์ กล่าวว่า สศค. ยังคงเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 60 ไว้ที่ 3.8% แต่มองว่ามีโอกาสที่จะโตได้ถึง 4% ต้นๆ หากภาพรวมปัจจัยที่มีผลทางเศรษฐกิจต่างๆ ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังต้องติดตามภาพรวมการส่งออกว่ายังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องหรือไม่ ส่วนในภาคการท่องเที่ยวที่แม้จะเติบโตได้ดีในปัจจุบัน แต่มีแนวโน้มว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียลดลงบ้าง ซึ่งปกติยอดนักเท่องเที่ยวมาเลเซียจะอยู่ในระดับสูง ดังนั้นจึงต้องต้องติดตามในส่วนนี้
"ถ้าปีนี้ต้องการเห็น GDP โต 4% ไตรมาส 4 ปีนี้ เศรษฐกิจจะต้องโตให้ได้ 4.7% หลังจาก 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ขยายตัวได้แล้ว 3.8% แต่ถ้าไตรมาส 4 เศรษฐกิจโตได้ 4% ต้นๆ GDP รวมทั้งปีก็จะได้แค่ 3.9% เพราะถ้าเทียบไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ฐานค่อนข้างสูง เพราะเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมา ดังนั้นต้องติดตามปัจจัยต่างๆ ควบคู่กันไป" รองโฆษก สศค.ระบุ